ปีศาจกาม

ฉันคือแพทย์หญิง ปติมา หรือเรียกว่า หมอ ปิ่น เป็นหมอจิตแพทย์สาววัย 28ปี รูปร่างหน้าตาของฉันหลายคนบอกว่าไม่น่ามาเป็นหมอ น่าไปเป็นดารามากกว่า เพราะฉันมีหน้าตาที่สวยน่ารัก และมีรูปร่างที่ยั่วยวนบุรุษเพศ แถมฉันยังชอบแต่งตัวเปรี้ยวทันสมัยเสียด้วย หลายคนเห็นฉันแล้ว ก็มักจะเกิดคำพูดอย่างที่บอกนั่นแหละ ว่าไม่น่ามาเป็นหมอ น่าไปเป็นดารา ฉันเองก็อย่างจะสวนเหมือนกันว่า แล้วทำไมหมอต้องแต่งตัวครำครึอยู่ตลอด นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว หมอจะแรดบ้างอะไรบ้างไม่ได้หรือไง

ยังไงมันก็เรื่องของหมอจริงมั๊ย ถ้ายังไงให้ดูที่ความสามารถ ว่าฉันมีปัญญารักษาคุณได้หรือป่าวดีกว่า ก็อย่างว่าแหละ เพราะฉันเป็นหมอจิตเวช ฉันเลยต้องมีความมั่นใจในตัวเองสูง และบุคลิกฉันต้องดี พูดจาฉะฉานให้ดูน่าเชื่อถือ และจิตใจต้องมั่นคง ไม่อย่างนั้นฉันจะไปสู้รบปรบมือกับอาการทางจิตของผู้ป่วยได้ยังไง แล้ววันหนึ่งฉันก็ถูกตามตัวด่วน ให้ไปประเมินคนไข้รายหนึ่งที่โรงพยาบาล เขาถูกส่งตัวมาจากทัณฑสถาน พร้อมกับตำรวจที่คุมตัวเขามาสองนาย นักโทษรายนี้ เป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมชาย 2 คนและข่มขืนต่อเนื่องกว่า20กว่าราย และถูกตามตัวจับได้ในที่สุด แต่ทนายของเขาก็ช่วยเขาสู้คดี โดยอ้างว่าเขามีจิตผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงถูกส่งมาประเมินสภาพจิตที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อการยืนยัน ว่าแท้จริงเขาป่วยทางจิตจริงหรือว่าแกล้งป่วยเพื่อหลีหนีความผิด ตอนนั่งเขาถูกคุมตัวนั่งรออยู่ในห้องประเมินสภาพจิต โดยมือทั้งสองถูกสวมใส่กุญแจมือติดกับขาโต๊ะ

ฉันอ่านแฟ้มประวัติของเขา เขาชื่อ นาย นธี เคยเป็นคนไข้ผู้ป่วยทางจิตของโรงพยาบาลแห่งนี้มาก่อนจริงๆ แต่ไม่ใช่คนไข้ของฉัน เป็นคนไข้ของแพทย์อีกท่านหนึ่งที่เคยประจำอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้ได้ย้ายไปแล้ว ในตอนนั้นเขาถูกญาตินำตัวมารักษา เพราะเขามีอาการหลอนทางประสาทและคลุ้มคลั่ง คิดว่ามีปีศาจสิงอยู่ในตัวเขา เขาพยายามทำร้ายตัวเองโดยอ้างว่าเพื่อขับไล่ปีศาจร้ายให้ออกจากตัว โดยการเอาหัวชนกำแพงจนหัวแตกเลือดอาบ เขาเลยถูกพาเข้าพักรักษาในห้องผู้ป่วยทางจิตระดับสูงที่ต้องใส่ชุดพันธนาการร่างกาย และถูกรัดติดกับเตียงตลอด เพื่อไม่ให้สามารถทำร้ายตัวเองได้อีก เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อนตอนที่เขามารักษาอาการอยู่ที่นี่ และจากนั้นเมื่อเขาทุเลาอาการและดีขึ้นจนดูเป็นปกติแล้วเขาก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้าน ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะตกเป็นผู้ต้องหาก่อคดีข่มขื่นกระทำชำเราหญิงสาวมากมายขนาดนี้ ดูไปก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะหน้าตาเขาถือว่าดีเข้าขั้น ฉันเมื่ออ่านแฟ้มของเขาหมด ก็วางแฟ้มลงบนโต๊ะ ก่อนจะประเมินด้วยบททดสอบ ฉันคงต้องเริ่มประเมินความคิดของเขาด้วยการพูดคุยกันก่อน ฉันจึงถามเขาว่า

“คุณรู้มัยว่าคุณชื่ออะไร” “ผมชื่อ นธี” “อืมส์ใช่คุณชื่อ นธี คุณยังจำชื่อตัวเองได้ว่าคุณเป็นใคร เอาละ คุณนธีค่ะ ฉันมีคำถามจะถามคุณให้คุณมาตามตรงตามที่คุณรู้สึกนะ คำถามแรก อะไรดลใจให้คุณ ชอบการข่มขืนผู้หญิง ถึงขนาดขมขื่นผู้หญิงไปแล้วกว่า 20ราย” “200 กว่าคน ไม่ใช่ยี่สิบ” “อะไรนะ คุณว่า 200 หรือ” ฉันแปลกใจในคำตอบของเขา จนต้องทวนคำ ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือโกหก แต่ดูจากสำนวนคดี มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความเอาผิดเขา 20 กว่าราย นี่ก็แสดงว่า เป็นเพียงแค่ 10เปอร์เซ็นจากคนที่โดนเขาข่มขืนไปเท่านั้น หากสิ่งที่เขาพูดเป็นจริง ฉันคิดว่า คนที่เหลือคงอายไม่กล้ามาชี้ตัวแจ้งความเอาผิด “ก็ได้ค่ะ 200 ก็ 200 แล้วสิ่งที่เป็นสิ่งดึงดูดดลใจให้คุณทำคืออะไรค่ะ” “ผมไม่ได้ทำ” “หืมส์ ..คุณไม่ได้ทำเหรอ ถ้าคุณไม่ได้ทำแล้วใครทำ” “เฟรดดี้” “เฟรดดี้ เป็นใคร” “เขาเป็นปีศาจร้าย ที่สิงอยู่ในตัวผม ผมเคยบอกใครตั้งหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีใครเชื่อ” “เขาบอกคุณเหรอว่าเขาชื่อเฟรดดี้” “ป่าว ผมตั้งชื่อให้เขาเอง เพราะเมื่อผมไล่เขาไปจากตัวผมไม่ได้ ทางเดียวที่เราจะอยู่ด้วยกันได้คือการทำความรู้จักกันและเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน ผมเลยตั้งชื่อให้เขาว่า เฟรดดี้” “ปีศาจชื่อ เฟรดดี้เหรอ แล้วเขามีนิ้วมือ เป็นมีดโกรนหรือเปล่า” “อ๋อ หมอหมายถึงปีศาจนิ้วเขมือบเหรอครับ ไม่ใช่ๆ เออ แต่เขาก็มีนิสัยที่ออกจะเหมือนกันอยู่นะ

คือเป็นพวกตลกร้าย ขี้เล่นแบบโหดๆ และชอบหยอกให้คนกลัว แต่ต่างกันตรงที่เฟรดดี้ของผม มันหนักไปทางลามกจกเปรตเท่านั้น” ฉันพอจะรู้แล้วว่า นาย นธีคนนี้ สร้างมโนภาพปีศาจหลอนตัวเองมาจากตัวอะไร ถ้าให้เดาก็คงมาจากเรื่องนิ้วเขมือบนี่แหละ “อืม.. เธอกำลังจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นฝีมือของเฟรดดี้อย่างนั้นละสิ” “ใช่” “รวมถึงการฆาตกรรมชายสองคนด้วยนะเหรอ….. ทำไมเฟรดดี้ต้องฆ่าเขา” “เพราะ ผู้ชายสองคนนั้นรังแกผู้หญิง เฟรดดี้ไม่ชอบ” คำพูดของเขารู้สึกย้อนแย้งกันเอง จนฉันต้องถามว่า “แล้วการข่มขื่นผู้หญิง นี่ไม่เท่ากับเป็นการรังแกหรอกเหรอ ทำไมเฟรดดี้ถึงทำถ้าไม่ชอบ” “เฟรดดี้ไม่ชอบ ที่คนอื่นรังแก แต่เฟรดดี้ชอบรังแกด้วยตัวเอง เฟรดดี้เลยฆ่าสองคนนั้น” นธีตอบฉันด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เหมือนเขากำลังพูดถึงคนๆหนึ่งที่เขารู้จักดี ตลอดเวลาที่นธีพูดคุยกับฉันเขาไม่มีท่าทีมีพิรุธบ่งบอกถึงการโกหกเลย นอกจากสิ่งที่เขาพูดมันฟังดูหน้าเหลือเชื่อเท่านั้น นี่มันอาการของคนบ้าชัดๆ เพราะเขาเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมาว่ามันเป็นความจริง เขาถึงไม่แสดงพิรุธของการโกหก ถึงตอนนี้ฉันต้องถอนหายใจอย่างหนักใจ เพราะใจหนึ่งฉันไม่อยากปล่อยคนที่กระทำชำเราหญิงสาวนับร้อยแบบนี้ให้ลอยนวลอยู่ในสังคม

แต่ด้วยจรรยาบรรณแพทย์ฉันไม่สามารถทำในสิ่งที่ใจคิดได้ เพราะถ้าเขาบ้าจริง ฉันก็คงต้องเซ็นรับรองให้เขา ถึงนั้นมันจะเป็นการทำให้เขาหลุดคดีโดยไม่ต้องรับโทษในเรือนจำก็ตาม แต่ก่อนที่ฉันจะเซ็นอะไรลงไปฉันอยากจะแน่ใจมากกว่านี้ เลยถามเขาต่อว่า “แล้วคุณหละ ระหว่างที่เฟรดดี้ ทำเรื่องพวกนี้อยู่ คุณอยู่ที่ไหน” “ผมก็อยู่กับเฟรดดี้” “แล้วคุณไม่คิดจะห้ามเขาเหรอ ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูก” “ผมเคยห้ามแล้ว แต่ผมห้ามไม่ได้ เฟรดดี้เวลาโมโห หรือต้องการอะไรมากๆ เขาจะไม่ฟังผม” “งั้น..ฉันจะขอคุยกับเฟรดดี้ได้มั๊ย” ฉันลองแย็บถามดู เพราะฉันกำลังคิดว่า นายนธีคนนี้ กำลังเป็นคนสองบุคลิกภาพ นาย นธีกลับยิ้มตอบว่า “ไม่ได้ เพราะตอนนี้ เฟรดไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน เพราะเหตุนี้ตำรวจถึงจับผมได้ แต่เขาจะกลับมาและพาผมออกไป” ฉันเกิดความคลางแคลงใจ ถามว่า “เขาไม่อยู่เหรอ และคุณก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาไปไหน คุณรู้มั๊ย ถ้าฉันไม่ได้คุยกับเฟรด ผลเสียอาจจะตกที่คุณ เพราะฉันอาจไม่เซ็นรับรองให้คุณก็ได้ว่าคุณบ้าจริง” “ผมไม่สนหรอกเรื่องนั้น เพราะจริงๆผมต้องการติดคุก ผมคิดว่ามันเป็นทางเดียวที่จะหยุดเฟรดได้ เฟรดบางทีก็ไป บางทีก็มาแต่เขายังอยู่ในตัวผม ผมอาศัยจังหวะที่เขาไม่อยู่นี้ มามอบตัวกับตำรวจ แต่แม่ผมดันจ้างทนายมาช่วยผม โดยสู้คดีว่าผมเป็นบ้า แต่ผมไม่ได้บ้า คุณเขียนไปเลยว่าผมไม่ได้บ้า ให้ผมติดคุกก่อนที่เฟรดจะกลับมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางหยุดเฟรดได้ เขาก็จะก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนอยู่แบบนี้”

ท่าทางของนธีพูดอย่างจริงจังอย่างน่ากลัว จ้องตาฉันเขม่ง เหมือนต้องการให้ฉันทำแบบที่เขาพูดจริงๆ และนั่นก็เพียงพอสำหรับฉันที่จะสรุปแล้ว ว่าเขาบ้าจริง เขาต้องได้รับการรักษา และฉันก็เซ็นรับรองลงไปว่าเขาเป็นผู้ป่วยทางจิตจริง และต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด แม้นธีจะไม่ติดคุก แต่เขาก็ต้องถูกจองจำอยู่ในโรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิตจนกว่าจะหายขาดถึงจะถูกปล่อยตัวออกไปได้ นธี เมื่อเห็นฉันเซ็นรับรองไปแบบนี้ เขาก็หัวเราะ พูดว่า “ผมเตือนคุณแล้ว คุณหมอ แล้วพวกคุณจะเสียใจ” นั้นเป็นคำพูดสุดท้ายที่นธีได้พูดกับฉัน ก่อนเขาจะถูกนำตัวไป เข้าห้องกังขังพิเศษสำหรับผู้ป่วยทางจิตขั้นสูงสุดในโรงพยาบาลเพื่อรอการพิจารณาคดี และต่อจากนั้นอีก 1 เดือนการพิจารณาคดีก็มาถึง นาย นธี ไปขึ้นศาลและไม่มีผิดตามฟ้องเนื่องจาก เขาเป็นผู้ป่วยทางจิตที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดังนั้นศาลจึงยกฟ้องและให้นายนธีอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์และโรงพยาบาลจนกว่าจะหายขาด ซึ่งไม่ติดคุกก็เหมือนติดอยู่ดี ซึ่งฉันก็พอใจกับผลที่เขาได้รับแบบนี้ —-ต่อ—- นธี อยู่ที่นี่ในฐานะผู้ป่วยทางจิตอันตราย เขาจะถูกแยกออกจากผู้ป่วยคนอื่นๆ และพักอยู่ในห้องที่มีลักษณะเป็นห้องขังเดี่ยว และยามออกมาของนอกเพื่อพักผ่อนในห้องนันทนาการ เขาจะถูกสวมชุดรัดตัวตลอดเพื่อกันการทำร้ายตัวเองและบุคคลอื่น และเขาจะถูกประเมินสุขภาพจิตทุกอาทิตย์ การประเมินสุขภาพจิตของเขายังคงให้ผลเหมือนเดิน เขายังคงไม่ยอมรับ ว่าสิ่งที่เขากระทำลงไปเป็นฝีมือเขา และยังโยนความผิดไปให้เฟรดดี้ ปีศาจที่เขาสมมุติขึ้นมาในจิตใจ

ซึ่งฉันก็ขอคุยกับเฟรดดี้หลายครั้ง แต่เขาก็บอกว่าเฟรดไม่อยู่ทุกที แต่แล้ววันหนึ่ง นธีก็เกิดอาการแปลกๆ ขึ้น เขาบอกฉันขณะที่ฉันไปเยี่ยมคนไข้ที่ห้องนันทนาการและเจอเขา “หมอริน เฟรดกำลังมาแล้ว ผมอยากให้คุณระวังตัว.” ฉันยิ้มและพูดว่า “ฉันรอเจอเฟรดของเธอ มานานแล้วนะ ไหนถ้าเขามาแล้วให้ฉันคุยกับเขาสิ” “ไม่ ตอนนี้เขายังไม่มา แต่เขากำลังจะมา และเขาก็ชอบหมอ ผมจึงอยากเตือนหมอให้หมอระวังตัว” ฉันเลยพูดว่า “เฟรดไม่เคยเจอฉัน แล้วเขาจะชอบฉันได้ยังไง” “ผมไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าเขาชอบคุณอย่างมาก” ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า “นธี ฟังหมอนะ เฟรดไม่มีจริง เฟรดคือคนที่เธอสมมุติขึ้นมาเพื่อให้มารับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำผิด แล้วไม่อยากรับผิด จึงโยนทุกอย่างไปให้เฟรด เฟรดก็คือเธอนั่นแหละนธี” “ไม่ใช่เขามีจริง เขามีจริงๆ” “ถ้าอย่างนั้น ก็ให้หมอได้คุยกับเขาสิ” ท่าทีของ นธี ดูอึดอัดโมโห ก่อนตะคอกใส่ฉันว่า “ก็ผมบอกแล้วไง ว่าเขายังไม่มา แต่เขามาแน่ ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ และทางทีดีหมออย่าเจอเขา และหนีไปให้ไกลๆจากผม หรือไม่มาทำงานเลยก็ได้ยิ่งดี” ท่าทางของนธีดูคุกคามและพยายามเข้าหาฉัน จนบุรุษพยาบาลและพยาบาลต้องควบคุมตัวเขาไว้ และเขาก็ยังไม่หยุดโวยวาย ไล่ให้ฉันหนีไปอยู่นั่น “พาเข้าไปห้องสงบสติอารมณ์” ฉันบอกพยาบาลแหม่ม และบุรุษพยาบาลที่ชื่อ โต้ง และเดินตามพวกเขาไป ภายในห้องสงบสติอารมณ์ นธีถูกจับมัดบนเตียง และฉันก็จัดการฉีดยากล่อมประสาทให้กับเขา เขายังเอาแต่เพ้อว่า เฟรดจะมาแล้ว เฟรดกำลังจะมา ก่อนจะหลับไปด้วยฤทธิ์ยา เมื่อจัดการกับนธีเสร็จ ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติเรียบร้อย จวบจนถึงตอนมืดค่ำ

วันนั้นฉันมีเวรต้องอยู่เฝ้าโรงพยาบาล และนอนในห้องพักแพทย์ ช่วงประมาณเที่ยงคืน ฉันได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู เมื่อฉันลืมตาตื่นอย่างงั่วเงีย และถามไปว่าใคร เสียงพยาบาลแหม่มก็ตอบกับมาว่า “หมอรินค่ะ ฉันเองค่ะ” พยาบาลแหม่มพูดแค่นั้นและไม่พูดอะไรต่อ ฉันตกใจไม่จึงลุกขึ้นและสวมใส่เสื้อกราวน์ ออกไปเปิดประตู ภาพที่เห็นทำฉันเบิกตาโต ผงะถอยหลังแทบจะกรีดร้อง พยาบาลแหม่มอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า คลานสี่ขาอยู่หน้าห้อง ที่คอของเธอลูกล่ามด้วยเชือก และคนที่ถือปลายเชือกก็โพล่ออกมาจากข้างประตูมาให้ฉันเห็น เขาคือ นธี แล้วเขาก็พูดทักทายฉันว่า “สวัสดีหมอริน” เขาอยู่ในชุดผู้ป่วยธรรมดาแทนที่จะเป็นชุดรัดตัว แต่นั้นไม่ทำให้ฉันแปลกใจเท่ากับพยาบาลแหม่ม ที่ทำไมเธอถึงเปลือยกายและอยู่ในสภาพแบบนั้นได้ ฉันรู้ว่ามันไม่ชอบมาพากลและต้องเกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่ๆ ฉันอยากจะกรีดร้องให้คนช่วย แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองตอนนี้เหมือนถูกผีอำ จนอ้าปากเสียงไม่ออกแม้แต่คำเดียว เหมือนมันมีบางอย่างกดดันฉันไว้ ทำให้ฉันร้องไม่ออก และขยับตัวไปไหนไม่ได้ นายนธีก้าวเท้าเข้ามาในห้อง พร้อมจูงพยาบาลแหม่มตามเข้ามา ที่ตัวของเขายังมีกระเป๋าสะพายผู้หญิงที่เป็นของพยาบาลแหม่มติดตัวมาด้วย แล้วเขาก็ปิดประตูล็อกลูกบิด จากนั้นก็เข้ามานั่งที่โซฟาวางกระเป๋าสะพายลงข้างๆ ฉันรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามจะร้องให้คนช่วยก็ร้องไม่ออก จะหนีไปที่ประตูก็ก้าวขาไม่ได้ ตัวฉันเหมือนไม่ยอมทำตามที่ฉันต้องการ ฉันจึงได้แต่ยืนมองดูนายนธี ที่นั่งโซฟาเอนหลังอย่างเอกเขนก และพยาบาลแหม่มหมอบคลานอยู่ตรงเท้าเขา แล้วนธีก็แสยะยิ้มหัวเราะพูดขึ้นว่า “ผมมาตามนัดแล้ว คุณหมอริน เห็นว่ามีอะไรอยากจะคุยกับผมอย่างนั้นเหรอ”

ฉันขยับปากอย่างอยากเย็น มีแต่เสียง แครกๆ ในลำคอ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอกออกจากปากฉัน นายนธีเห็นแบบนั้น ก็ยิ้มหัวเราะ ดีดนิ้วดังเปราะ พูดว่า “อ้อ ผมลืมไป เอาละ ผมอนุญาตให้พูด แต่จะร้องให้คนมาช่วยไม่ได้นะ ผมไม่ยอม” วูบหนึ่งฉันรู้สึกได้ตัวเองคืนมา เลยคิดจะเปล่งเสียงร้องให้คนช่วยเต็มที แต่พอฉันอ้าปากจะตะโกนร้อง คอของฉันก็เหมือนถูกบีบจนเจ็บและหายใจไม่ออก จนฉันต้องเอามือมาปัดป่ายที่คอเพื่อหาว่าอะไรมันบีบคอฉันอยู่แต่มันก็ไม่มีอะไร ตอนนั้นนายนธี ส่ายนิ้วชี้มาที่ฉันเป็นเชิงห้าม แล้วพูดว่า “ผมบอกให้คุยยังไง ไม่ให้ตะโกน ถ้าหมอไม่ฟัง สงสัยต้องให้หมอใช้ปากทำอย่างอื่นให้ผมสะแล้วมั่ง” หลังจากเขาพูดจบ อาการเหมือนถูกบีบคอของฉันก็ทุเลาจนหายใจได้ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่พอจะเดาได้ว่ามันน่าจะเกิดจากนายนธี ฉันเลยไม่กล้ากรีดร้องอีก พยายามตั้งสติแล้วพูดกับเขาว่า “ธ…เธอ ต้องการคุยอะไรกับฉัน” “เอ้า ผมจะรู้มั๊ย ก็หมอต่างหากที่ต้องการอย่างจะเจอผมไม่ใช่เหรอ ผมก็เลยมาหานี่ไง” “ฟ..เฟรด เหรอ เธอคือ เฟรดดี้ เหรอ” “ช่ายยยย ผมคือ เฟรดดี้” เขาตอบพร้อมชูสองนิ้ว ยิ้มรับอย่างภาคภูมิ ทำให้ฉันต้องมองเขาอย่างพิจารณา และดูบุคลิกของเขาต่างจากนาย นธี มาก เขาดูขี้เล่น และเจ้าเล่ห์อย่างไม่น่าไว้วางใจ “เฟรด เธอคือเฟรดจริงๆใช่มั๊ย” “แน่นอน ตัวจริงเสียงจริง 1 ไม่มี 2” “แล้ว นธี หละ เขาไปไหน” ฉันพยายามใช้จิตวิทยากับเขา เพื่อหาทางออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ เฟรดยิ้มแล้วมองไปซ้ายมองไปขวา ก่อนพูดว่า “ก็อยู่แถวๆนี่แหละ… เอ้ย ธี หมอถามหามึงว่ะ …อะไรนะออกมาไม่ได้เหรอ นั้นนะสิมึงจะออกมาได้ยังไง ก็กูไม่ให้ออกไง คริคริ รู้มั๊ยหมอ ผมยังไม่ได้จัดการกับมันเลย พอผมไม่อยู่เท่านั้นแหละ มันไปมอบตัวกับตำรวจ คิดจะเอาผมไปขังไว้ในคุก ดูมันทำกับผมซี่ เพื่อนเฮงซวยแบบนี้ผมยังจะคบมันต่อไปดีมั๊ยเนี่ย”

นายนธี ทำเป็นพูดกับเองเหมือนคนติดตลก และประโยคสุดท้ายหันมาถามความเห็นฉัน แต่ฉันขำไม่ออกแน่ๆ และพยายามข่มใจให้ปกติชวนเขาคุยต่อว่า “แล้วที่บอกว่าเฟรดไม่อยู่ เฟรดไปไหน” “ผมก็ไปของผมไปเรื่อยนั่นแหละ เบื่อๆก็ไป อยากจะสนุกก็กลับมา และผมก็รีบมาเลยนะเนี่ย เมื่อรู้ว่ามีหมอคนสวยถามหาผมอยู่” “อ้อ…. เออ แล้ว พยาบาลคนนี้ เขาทำอะไรให้เฟรดเหรอ เฟรดถึงทำกับเขาแบบนี้” ฉันพยายามหลอกถามเขา แล้วเฟรดก็ตอบว่า “โอ้วววว ลืมเล่าเลย ผมก็จะฟ้องหมออยู่พอดีเหมือนกัน นี่ ยัยคนนี้ ผมบอกว่าผมจะมาคุยกับหมอ ไม่ยอมให้ผมมา แถมจะจับผมฉีดยาอีก พอผมไม่ยอม นี่ใช้ความรุนแรงกับผม ผมเลยสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้างว่าใครเป็นใคร เลยให้เธอมาเป็นสัตว์เลี้ยงของผมซะเลย แต่ไม่ต้องกลัวหลอก ผมเป็นคนมีเมตราต่อสัตว์ ก่อนมานี่ผมเลยจัดการมอบความสุขให้เธอไปเต็มอิ่มเลย นี่ดูนี่สิหมอ” นายนธีหรือเฟรด พูดเหมือนอยากโชว์อะไรให้ฉันดู แล้วเขาก็ก้มลงไปจับแก้มตูดของพยาบาลแหม่มที่คลานอยู่ใกล้ๆแหวกออกให้ฉันดู สิ่งที่เห็นคือทั้งหีทั้งตูดของพยาบาลแหม่มเต็มไปด้วยน้ำรักที่เปรอะเปื้อน แล้วนายนธีก็พูดว่า “เห็นมั๊ย โดนทั้งหีทั้งตูดชุ่มปอดไปเลย เอ้า อีดอกทอง บอกหมอไปสิ ว่าชอบรางวัลที่ฉันให้มั๊ย” “ช..ชอบเจ้าค่ะ นายท่าน” พยาบาลแหม่มตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก สีหน้าเธอดูอายจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง แต่ก็ไม่กล้าดิ้นรนขัดขืนและให้เขาแหกตูดโชว์หีที่เพิ่งถูกร่วมรักมาให้ฉันดู

ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบากคิดว่าไม่ช้าไม่เร็วฉันก็ต้องเป็นเหมือนพยาบาลแหม่มแน่ๆ ตอนนั้นนายนธีกำลังเพลิดเพลินกับการจับแหวกแหกตูดนางพยาบาลแหม่มให้ฉันดู มีบางครั้งเขาละสายตาไปจากฉัน ทำให้ฉันฉวยไปใกล้โต๊ะและแอบหยิบกรรไกรมาซ่อนไว้ข้างหลัง ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อมีอาวุธติดมือ แล้วนายนธีก็ยังเอานิ้วแหย่เขาไปในหีพยาบาลแหม่เพื่อกระตุ้นน้ำรักของของเขาให้ออกมามากขึ้น พยาบาลแหม่มมีท่าทีเสียวจนแอ่นตูดรับ น้ำควยที่คลั่งค้างอยู่ข้างในก็ไหลย้อยออกมา นายนธีมองดูภาพนั้นอย่างชื่นชอบ ทำให้เขาเผลอ ฉันจึงฉวยโอกาสจังหวะนั้นพุ่งตัวไปที่ประตู เพื่อจะเปิดมันออกและหนีออกไป ไม่คิดว่านายนธีก็ไวพอ เขาคว้าตัวฉันไว้ก่อนที่ฉันจะถึงประตูและดึงฉันไปกอด ยิ้มพูดว่า “คุณหมอคิดจะหนีไปไหนเหรอ” ฉันตื่นกลัวจนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว รีบคว้ากรรไกที่ซ่อนไว้รออกมา แล้วแทงเขาเข้าที่ไหล่ เขาประมาทไม่ทันตั้งตัวโดนแทงจนร้องโอ้ยและทำให้ฉันดิ้นหลุดจากเขาได้ จากนั้นฉันรีบไปที่ประตูเพื่อจะหนี แต่ไม่คาดว่าประตูเปิดยังไงก็เปิดไม่ออก ทั้งที่มันเป็นแค่ประตูลูกบิดที่ล็อกจากภายใน “เปิดสิ ทำไม่เปิด โธ่..ได้โปรด.” กึกกักๆๆๆๆ เสียงลูกบิดถูกฉันบิดขยับระรั่ว พยายามจะเปิดมัน แต่ก็ไม่เป็นผล นายนธียังไม่ได้สนใจฉัน เขากำลังสนใจอยู่กับกรรไกรที่ปักอยู่ที่ไหล่ของเขา แล้วเขาตะลึงอยู่พักหนึ่งแล้วเขาก็โวยวาย “หมอ หมอทำกับผมอย่างนี้ได้ยังไง ผมอุตสาห์มาคุยด้วยดีๆ แต่หมอกลับทำผมเลือดไหล ปัดโธโว้ย” นายนธีท่าทางโมโหมาก แล้วเขาก็มากระชากฉันเหวี่ยงล้มลงไปกับพื้น ฉันหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว พยายามถอยหนีห่างจากเขา “รู้มั๊ยว่าคนที่ทำผมเจ็บ จะต้องโดนยังไง ผมจะทำกับหมอ ให้หมอเป็นยิ่งกว่ากระหรี่อีก มึงเตรียมเงี่ยนจนร้องขอควยได้เลย”

เขาพูดอย่างโมโหใส่ฉัน จนฉันหวาดกลัวเหน็บหนาวไปถึงไขสันหลัง แล้วเขาก็ตรงเข้ามาฉีกกระชากเสื้อผ้าฉันออก ฉันพยายามกรีดร้องให้คนช่วยแต่ร้องไม่ออก พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่รู้เรียวแรงหายไปไหน เรี่ยวแรงของฉันเหมือนถูกอะไรกดดันจนอ่อนเปลี้ยไปหมด และแล้วฉันก็ตกอยู่ในสภาพเปลือยเปล่านอนกองอยู่กับพื้น เมื่อนายนธีจัดการฉีกทึ้งเสื้อผ้าฉันเสร็จ เขาจับฉันนอนหงาย แล้วเขามาจ้องทุกสวนสัดของฉันจนจมูกแทบแตะกับผิวเนื้อ ลมหายใจของเขาที่พ่นรดโดนผิวเนื้อทำเอาฉันสยิวขนลุกทั้งตัว “แม่เจ้าโว้ย เนียนขาวอะไรอย่างนี้ นมก็เต่งตึงตั้งเต้า เนินเต่าก็โหนกนูน น่าเลียไปทุกส่วนจริงๆ” คำพูดของนายนธี ทำเอาฉันเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง คิดไปถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน จนฉันทนไม่ไหวต้องข้อร้องว่า “นธี ปล่อยฉันไปเถอะนะ อย่าทำฉันขอร้อง อย่าทำฉันเลย” แต่นายนธีกลับแสยะยิ้มบอกว่า “ผมไม่ใช้ไอ้ ธี ผมคือเฟรด หมอนี่ เข้าใจอะไรอยากจริงๆ” “เฟรด ใช่ เฟรด ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอโทษ ที่ทำให้เธอเจ็บ ได้โปรดเถอะนะ” ฉันเปลี่ยนคำพูดอ้อนวอนเขาใหม่เพื่อหวังให้เขาใจอ่อน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ แถมเริ่มใช้ลิ้นโลมเลียร่างกายของฉัน ฉันหลับตาด้วยความสยิวปนความขยะแขยง แต่ทำไมฉันไม่ดิ้นรนขัดขืนเขาฉันเองก็ไม่เข้าใจ จะว่าไปใช้ว่าฉันไม่อยากขัดขืน แต่มันเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างจากเขาครอบงำฉันทำให้ฉันขัดขืนเข้าไม่ได้ เขาใช้ลิ้นโลมเลียฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไล่มาตั้งแต่หัว โดยจูบโลมเลียปากและแก้ม ก่อนจะลงไปซุกไซ้เต้านมคู่งามของฉันที่ชูหัวนมโดดเด่นคล้ายกับกำลังล่อรอลิ้นเขาเข้ามาจูบดูด และทันทีที่ลิ้นเขามาวนเล่นที่หัวนม ฉันเกิดผวาเสียวจนห่อหน้าอก และเผลอครางออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากนั้นเขาก็ใช้มือสองข้างเคล้าคลึงบดบี้เต้านมอย่างมันมือ พร้อมกับปากที่ดูดเลียหัวนม ฉันต้องซีดดส์ปากแหงนหน้าปรือตารับความเสียวซ่าน ตอนนั้นพยาบาลแหม่ม นั่งดูฉันถูกข่มขืนด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจ เพราะเธอเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วนธีก็จับฉันถ่างขาซุกหน้าเข้าไปใช้เล่นโลมเลียหีของฉัน วินาทีนั้นฉันต้องหลับตาเกร็งตัวรับลิ้นเขาที่กำลังจะกระทบถูกของสงวนของฉัน แล้วเขาก็โลมเลียร่องหีและดูดแตดฉันอย่างอร่อย ส่งเสียงดังจ๊วบจ๊าบอย่างตะกละตระกาม ความรู้สึกในใจฉันตอนนั้น รู้สึกขยะแขยงลิ้นและปากของเขาและทนฟังเสียงเขาดูดจูบตอดอย่างดื่มด่ำกับหีฉันแทบไม่ได้ แต่ความรู้สึกของร่างกายมันกลับตอบสนองไปคนละอย่างกับที่ใจคิด หีของฉันเริ่มมีน้ำไหลเยิ้ม จากการถูกกระตุ้นเร้าโลมเลียของเขา แล้วฉันก็เสียวกระสันจนเผลอครางออกมา “อ้อยยยยยยย ซีดดดดส์ พอแล้ววว อย่า อืมส์ ซีดดส์” ฉันพยายามร้องขอให้เขาหยุด แต่เขากลับยิ่งทำหนักกว่าเดิม จนฉันสยิวจนตัวบิดและส่งเสียงครางไม่หยุด ถึงตอนนี้ฉันคิดว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นกับฉัน ฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว คงได้แต่ทำใจยอมรับไป เลยปล่อยใจไม่แข็งขืนอีก และเริ่มเสียวเคลิ้มไปกับลิ้นของเขา แต่จู่ๆ ไม่คาดว่า นายนธีก็หยุดทำ แล้วถุยน้ำลายใส่หีฉัน ก่อนพูดแดกดันว่า “โดนกูเลียหีหน่อย เคลิ้มเลยละสิมึง จะเย็ดมึงแบบนี้มันง่ายไป กูบอกแล้วจะทำให้มึงเงี่ยนเป็นกระหรี่ร้องขอควยกูเอง” นายนธีพูดจบ ก็ลุกขึ้นจ้องฉันเขม่ง และตอนนั้นเหมือนเขากำลังทำอะไรบ้างอย่างกับฉัน ซึ่งฉันไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ฉันรู้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาในตัว

จากนั้นฉันรู้สึกร่างกายร้อนผละผ่าวปวดเมื่อยไปทั้งตัวจนอยากจะโดนบดขยี้ และตามมาด้วยความกำหนัดและเงี่ยนขึ้นเรื่อยๆ น้ำในหีฉันไหลเยิ้มจนหยดติ๋ง ราวกับหมาตัวเมียยามติดสัตว์เดือน12 ในช่องคลอดของฉันรู้สึกคันจนอยากหาอะไรแหย่เข้าไปเกาข้างใน “อ้อยยยยยยยยยย อ้อยยยยยยยย แกทำอะไรกับฉัน อ้อยยยยยยยยย ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้  โอ้ยยยยยยย” ฉันร้องถามพร้อมกับนอนดิ้นสับส่ายไปมา หวังให้อาการมันหาย แต่มันกับทวีขึ้นเรื่อยๆ นายนธีหัวเราะไม่บอกแต่พูดว่า “นธี ไม่ได้บอกหมอเหรอว่าผมเป็นปีศาจ ปีศาจย่อมมีอะไรที่มากกว่ามนุษย์ธรรมดาอยู่แล้ว เหอๆๆๆ” แล้วนายนธีก็เข้ามานั่งย่องๆ ยิ้มมองดูฉัน ที่นอนดิ้นบิดงอตัวไปมาเพราะความทรมานจากอาการเงี่ยน แล้วเขาก็พูดต่อไปว่า “เป็นยังไง อยากโดนควยละสิ ข้อร้องผมสิ หรือจะช่วยตัวเองให้ผมดูก่อนก็ได้นะ” “ไม่ ฉันไม่มีทางทำอะไรทุเรศแบบนั้นหรอก อ้ออยยยยยย ซีดดดส์ อยากให้ฉันข้อร้องแกเหรอไม่มีทาง อ้อยยยยยย” “เหอๆ จริงสินะ หมอเป็นหมอจิตเวช หมอต้องมีจิตแข็งกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่บอกไว้เลยว่า หมอสู้อำนาจผมไม่ได้หรอก ผมจะดูว่าหมอจะทนได้สักกี่น้ำ” ฉันไม่อยากต่อคำกับเขา พยายามข่มสติ ระงับความอยากของตัวเอง อาการเงี่ยนจัดๆ ไม่แพ้อาการเสี้ยนยาเลยแม้แต่น้อย มันทำฉันทรมานจากความต้องการจนน้ำหีฉันไหลเปื้อนหว่างขาจนเปรอะไปหมดแล้ว นายนธีหัวเราะอย่างชอบใจ แล้วเขาก็ถอดกางเกงเขาออก โชว์ควยที่ใหญ่ยาวโด่ให้เห็น ฉันมองตาเป็นมัน บ่งบอกถึงอาการอยากได้ แต่ก็พยายามสะกดใจสู้กับความต้องการของตัวเอง นายนธีเห็นฉันไม่ร้องขอ ก็ไปนั่งตรงโซฟา เรียกพยาบาลแหม่มเข้าไปอมควยให้เขา แล้วเขาก็โชว์เย็ดกับพยาบาลแหม่มให้ฉันดู เพื่อกระตุ้นความอยากฉันให้มากขึ้นไปอีก

ตับๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงเขาซอยกระเด้าหีพยาบาลแหม่ม ในท่าหมา และโยกเย็ดยาวๆ ให้ฉันเห็นควยของเขาเข้าออกหีพยาบาลแหม่ม แบบชัดๆ มันทำให้ฉันยิ่งอยากโดนมากเขาไปอีก ฉันเกือบหน้ามืดพูดร้องขอออกไป แต่ก็ยังยับยั้งชั่งใจไว้ได้ “อู๊ยยยยยย อีดอกแหม่ม หีมึงนี่เย็ดมันดีเหมือนกันนะ มึงเคยมีผัวมากี่คนแล้วละ ซีดดส์” “อ้อยยยยย ซีดดดส์ นายท่าน 8 คนเจ้าค่ะ อ้อยยยยย ซีดดดส์ นายท่าน อีดอกแหม่มเสียวหีเหลือเกิน น้ำหีจะแตกแล้วววว อ้อยยยย นายท่าน” พยาบาลแหม่มร้องอย่างมีความสุข ปล่อยน้ำหีแตกไหลออกมา แล้วนธีก็มาชักควยสาวให้แตกใส่ปากพยาบาลแหม่ม และพยาบาลแหม่มก็ดูดกินอย่างอร่อย ภาพนั้นทำเอาฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มือหนึ่งฉันเอามาบดบีบเต้านมเพราะอยากบดขยี้ตัวเอง อีกมือหนึ่งฉันเอาไปล้วงหีเอานิ้วสอดใส่ช่วยตัวเอง ฉันรู้สึกดีขึ้นมาจนทำมันไม่หยุด แต่แล้วมือทั้งสองของฉันก็ถูกดึงจับขึงติดพื้น โดยอำนาจบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็น มือของฉันขยับไปไหนไม่ได้เหมือนถูกคีมหนีบติดขึงพื้นไว้ พร้อมกันนั้นนายนธีก็หัวเราะจุ๊ปากพูดว่า “ไม่เอาซี่ อย่าทำอย่างนั้น มีควยใหญ่ๆยาวๆ อยู่ตรงนี้ทั้งดุ้น ทำไมยังช่วยตัวเองอีกหละ ถ้าอยากโดนเย็ดก็ขอผมซี่” ฉันรู้สึกอึดอัดคับข้องใจจนอยากจะบ้าตาย มือฉันขยับไม่ได้ ได้แต่ส่ายสะโพกล่อนหาอะไรก็ได้บางอย่างมาช่วยฉันที่สุดฉันก็ทนไม่ได้ พูดอย่างหมดสิ้นความอายทุกสิ่งทุกอย่างว่า “อ้อยยยยยย ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว เย็ดฉันเถอะ ข้อร้องเย็ดฉันที” นายนธีถึงกับหัวเราะอย่างสะใจ พูดว่า “ยอมแล้วเหรอหมอ งั้นหมอก็พูดสิ พูดบอกว่า เฟรดจ๋า มาเย็ดหี อีกระหรี่คนนี้ที่” “ฟ…เฟรดจ๋า …ม..มาเย็ด..อีกระหรี่คนนี้ที่” ฉันยอมพูดออกไป อย่างอายตัวเอง พร้อมกับเสียงแผดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเฟรดหรือนายนธี แล้วเขาก็ปลดปล่อยพันธนาการฉัน เรียกให้ฉันไปอมควย ฉันรีบคลานเข้าไปหาเขาจับควยของเขาดูดเลียอย่างหิวกระหาย จ๊วบๆ แจ๊บๆ อืมส์ จ๊วบบบ “ดีอีกระหรี่ ดูดแบบนั้นแหละ ซีดดดส์ ดูมึงอยากมากเลยนะ อีดอกทองมึงไปเลียหีช่วยอีหมอกระหรี่คลายเงี่ยนหน่อยสิ” เฟรดบอกพยาบาลแหม่ม แล้วพยาบาลแหม่มก็อ้อมไปหลังฉัน จับแหวกแก้มก้นฉันดูดเลียรูหีรูตุดจากข้างหลังในขณะที่ฉัน ดูดเลียควยเฟรด “โอ้ววว อย่างนี่สิสุดยอดเลย อ้า ฮ่าฮ่าฮ่า ชอบมั๊ยอีกระหรี่ อีดอกทอง” “ชอบค่ะนายท่าน/ชอบค่ะนายท่าน” ฉันกับพยาบาลแหม่มตอบแทบจะประสานเสียง แล้วฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพยาบาลแหม่มถึงได้ยอมตกเป็นทาสเขาแบบนั้น เพราะฉันเองตอนนี้ก็เริ่มเป็นทาสเขาแล้ว คืนนั้นเขาเย็ดฉันจนน้ำหีแตกไปหลายรอบ และเขาเองก็น้ำควยแตกไปหลายรอบเหมือนกัน เขาเหมือนมีพลังเซ็กส์ไม่มีหมด

น้ำควยของเขาเต็มทั้งหีทั้งตูดทั้งปากของฉันกับพยาบาลแหม่ม จนฉันกับพยาบาลแหม่มนอนจมกองน้ำควยสลบไสลไปไม่ได้สติ เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็หายไปแล้ว ทิ้งไว้แต่น้ำรักที่เปรอะเปื้อนตัวของเราสองคน เป็นหลักฐานว่าเราทั้งคู่ไม่ได้ฝันไป เรื่องนี้ฉันกับพยาบาลแหม่มตกลงกันจะเก็บเป็นความลับและไม่ได้ไปแจ้งความ และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ฉันรู้เกี่ยวกับนธีขึ้นอีกมาก เขาไม่ได้บ้าจริงๆ เขามีปีศาจร้ายอยู่ในตัวจริงๆ และที่เขาบอกว่าเฟรดนั้นข่มขืนผู้หญิงไปมากกว่า 200คนนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ฉันกับพยาบาลแหม่มก็เฝ้ารอให้เขาถูกจับตัวนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาลนี้อีก และฉันก็อยากจะบอกเขาว่า ฉันกับพยาบาลแหม่มรออยู่ค่ะ นายท่าน……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *