โดนนักเรียนชายรุมเย็ด

ดิฉันมีเรื่องเสียวที่น่าอัปยศของดิฉัน เมื่อ 10 ปีก่อน มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ซึ่งแน่นอนดิฉันต้องปกปิดชื่อจริง ขอใช้ชื่อสมมุติว่า “นิด” นะค่ะ ตอนนี้ดิฉันมีอายุ 33 ปี มีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขตามสภาพของคนที่มีอาชีพครูบ้านนอกที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ดิฉันแต่งงานอยู่กินกับสามีมาได้ 7 ปีกว่าจะ 8 ปีแล้ว มีลูกชาย 1 คน อายุห้าขวบกว่าๆ ลูกสาวอีก 1 คน อายุสองขวบกว่าๆ พวกแกเป็นเด็กที่น่ารักมากไม่ค่อยงอแงและสุขภาพร่างกายก็แข็งแรงดีถึงแม้จะมีดื้อบ้างก็อยู่ในขอบเขตที่ไม่กวนใจอะไรดิฉันและสามีมากนัก สามีของดิฉันก็เป็นคนดีมากเช่นกัน เขามีอาชีพเป็นข้าราชการครูเช่นเดียวกับดิฉัน เราได้รู้จักกันตอนที่ดิฉันเพิ่งบรรจุเข้ามาเป็นครูที่โรงเรียนที่เค้าสอนอยู่ก่อนหน้าซึ่งเป็นโรงเรียนในระดับมัธยมแห่งหนึ่งในตัวอำเภอด้านนอกติดพรมแดนเขมรของจังหวัดปราจีนบุรี

เขาสอนวิชาพละศึกษาและการเกษตร ส่วนดิฉันได้บรรจุเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากที่นี่ครูเราขาดแคลน ดิฉันจึงต้องสอนในชั้นระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย สอนทั้งวันทั้งแต่เช้ายันเย็น บางวันมีสอนถึง 7 คาบก็มี แต่ถึงจะเหนื่อยอย่างไรดิฉันเองก็มีความสุขดี มีลูกดีน่ารัก สามีดีขยันขันแข็งเหล้าไม่ดื่มบุหรี่ก็ไม่สูบแล้วยังซื่อสัตย์และรักดิฉันกับครอบครัวของเรามาก แค่นี้ดิฉันก็พอใจกับชีวิตของครูบ้านนอกอย่างนี้แล้ว แต่เดิมดิฉันเติบโตอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่พอสิ้นคุณพ่อและคุณแม่ท่านก็มีอายุมากขึ้นท่านจึงอยากที่จะย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิดของท่านที่จังหวัดปราจีนบุรี หลังจากนั้นอีกปีกว่าๆ เกือบสองปีก็ได้เกิดเรื่องที่ไม่น่าจดจำกับดิฉันขึ้นมา หลังจากเกิดเรื่องทีแรกดิฉันก็คิดแค่ว่าอยากไปหาคุณแม่แต่คุณแม่ท่านก็เห็นถึงสิ่งที่ผิดปกติทีแรกท่านก็ถามแต่ดิฉันอายและไม่อยากให้ท่านต้องเสียใจและเจ็บปวดไปกับดิฉันด้วย จึงไม่กล้าเล่าให้ท่านฟังแต่สุดท้ายท่านก็ตะลอมถามจนดิฉันเล่าให้ท่านฟังทั้งน้ำตา

พอท่านฟังจบท่านก็ได้แต่โอบกอดและให้ความอบอุ่นแก่ดิฉันพร้อมทั้งลูบหลังและศีรษะพร้อมทั้งบอกกับดิฉันว่า ‘ฝันมานะลูก…เรื่องมันผ่านไปแล้ว’ แล้วสุดท้ายดิฉันก็เลยย้ายมาอยู่กับท่านแต่ท่านก็ไม่อยากให้ดิฉันอยู่เฉยๆ ท่านจึงไปขอครูใหญ่ในโรงเรียนของอำเภอซึ่งเป็นเพื่อสนิทของท่าน และท่านเองก็ทำงานเป็นครูอยู่เช่นกัน ให้รับดิฉันไปสอนที่นั่นอีกคนหนึ่ง และก็ได้อยู่ใกล้กับคุณแม่ด้วยเวลาท่านเหงาหรือเจ็บป่วยดิฉันจะได้สามารถดูแลท่านได้ ดิฉันจึงออกจากโรงเรียนที่ไม่น่าจดจำแห่งนั้นย้ายออกมาเป็นครูบ้านนอกกับคุณแม่ พอปีต่อมาดิฉันก็สามารถสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูได้และที่นั่นเองที่ดิฉันได้เจอกับผู้ชายที่แสนดีและได้รับความรักจากเขาจนเราสามารถสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องของดิฉันนั้นมันเกิดขึ้นในตอนที่ดิฉันจบปริญญาตรีคณะครุฯเกียรตินิยมอันดับ 3 จากรั้วจามจุรีมาใหม่ๆ ตอนนั้นดิฉันอายุ 22 ปี และได้มาสอนที่โรงเรียนเอกชลชื่อดังแห่งหนึ่งในระดับมัธยม ในตอนแรกดิฉันมีโปรแกรมที่จะรับทุนที่ได้มาและไปเรียนต่อที่เมืองนอก แต่ตอนนั้นคุณพ่อของดิฉันท่านได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ดิฉันจึงเหลือคุณแม่อีกเพียงแค่คนเดียว ดิฉันจึงตัดสินใจที่จะสละทุนที่ได้มาเพื่อจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ที่เมืองไทยแทน เมื่อเสร็จจากงานศพคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่อยากที่จะอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกต่อไปในตอนแรกท่านจะให้ดิฉันอยู่ที่บ้านของเราในกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากว่าบ้านกับโรงเรียนที่ดิฉันต้องไปสอนนั้นมันอยู่คนละมุมเมืองกันเลยดิฉันจึงตัดสินใจให้ท่านขายและเอาเงินไปซ่อมแซมและปรับปรุงบ้านของท่านที่ปราจีนฯเพิ่มเติมและเก็บที่เหลือเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น เมื่อขายได้คุณแม่ของดิฉันท่านจึงย้ายไปอยู่ที่ปราจีนฯ ดิฉันจึงต้องมาไปเช่าอพาร์ทเม้นท์โดยแชร์ค่าเช่าร่วมกันกับครูใหม่ของโรงเรียนที่เข้ามาพร้อมกันอีก 2 ท่าน ตามคำแนะนำของครูรุ่นพี่ในโรงเรียนที่ท่านเองก็ได้เช่าอพาร์ทเม้นท์แห่งนั้นอยู่ก่อนหน้าแล้ว

ซึ่งอพาร์ทเม้นท์เองก็อยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนห่างออกไปไม่ถึง 3 ป้ายรถเมล์ดี เนื่องจากดิฉันเคยเข้าประกวดนางสาวไทยและได้เข้ารอบจนถึงรอบสุดท้ายแถมยังได้ขึ้นปกนิตยสารอีกหลายฉบับในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ดิฉันจึงเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ผิวขาว สูงประมาณ 169 ซ.ม. ไว้ผมยาวมัดรวบแบบสบายๆ แต่งกายสบายๆแต่มิดชิด ตอนที่ดินฉันมาสอนที่โรงเรียนแห่งนั้นใหม่ๆ เพื่อนครูด้วยกันยังถามเลยว่า “รูปร่างหน้าตาสวยๆ อย่างครูนิดนี่ไม่น่ามาเป็นครูอย่างนี้เลยนะค่ะ…” ดิฉันจึงตอบท่านไปว่า “ดิฉันชอบอาชีพนี้ค่ะและก็ฝันอยากเป็นครูตามอย่างคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก…” เพื่อนครูท่านนั้นก็ได้แต่ยิ้มและเตือนดิฉันว่า “เด็กนักเรียนเดี๋ยวนี่นะ ไม่เหมือนกับเด็กนักเรียนสมัยก่อนนะค่ะ เด็กเดียวนี้ไม่ค่อยสนใจเรียน ชอบเที่ยว เดียวนี้ยิ่งมียาเสพติดระบาดยิ่งต้องระวังตัวให้ดี เราจับมันไม่ค่อยได้หรอกเด็กพวกนี้มันหลบเก่ง แต่ก็จะมีแสบๆ อยู่ไม่กี่กลุ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กโต แล้วก็ชอบลองของครูใหม่ใหม่สวยๆ อย่างครูนิดนี่ด้วยแล้วละก็…”

“ทำไมค่ะอย่างนิดนี่เป็นยังไง…”เพราะความสงสัยดิฉันจึงถามครูรุ่นพี่ท่านนั้นออกไป “ก็ระวังเด็กจะแอบดูชั้นในไงค่ะ” พอครูรุ่นพี่ตอบแบบนี้ทีแรกนิดก็ตกใจเพราะไม่เคยคิดว่าเด็กเดียวนี้จะกล้าทำอย่างนั้นเพราะในสมัยเรียนดิฉันเรียนแต่ในโรงเรียนหญิงล้วนจนจบ ม.ปลายเข้ามหาลัยแล้วจึงได้เจอกับเพื่อนเรียนที่เป็นเพศตรงข้ามจึงไม่เคยทราบในพฤติกรรมของนักเรียนชายสมัยนี้ แต่ในตอนนั้นดิฉันก็ไม่คิดอะไรมากแค่ระวังตัวเองให้มากขึ้นแต่ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เหมือนกันว่าต้องเจอกับเหตุการณ์ทำนองนี้ ในตอนที่คุยกับครูรุ่นพี่แต่ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรมาก ปรับตัวให้เข้ากันนักเรียนและสถานศึกษาที่ต้องทำงานสักพักก็จะอยู่ตัวได้เอง แต่ดิฉันก็ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเองจะรุนแรงถึงขั้นนั้น เมื่อเกิดเรื่องดิฉันไม่เคยบอกแม้แต่เพื่อนครูที่สนิทกันหรือแม้กระทั่งสามีของดิฉันเองก็ไม่เคยเล่าให้เขาฟัง ตอนนั้นดิฉันเพิ่งเข้าทำงานเป็นครูที่โรงเรียนแห่งนี้หลังจากจบใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องสมัครเข้ามาเลยเพราะทางโรงเรียนได้จองตัวดิฉันตั้งแต่เรียนในปีสุดท้าย ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากทีเรียนจบเร็ว แล้วก็ได้ทำงานเร็ว

ช่วงแรกๆ ของการสอนก็ไม่ไม่อะไรมากเพราะดิฉันต้องปรับตัวกับการสอนนักเรียนได้พอสมควรอีกทั้งนักเรียนที่ดิฉันสอนก็เป็นเด็กดีและน่ารักกันทุกคน แต่ถึงกระนั้นดิฉันก็แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือไปไหนเลยเหมือนกันแต่เพราะรักในวิชาชีพนี้ดิฉันจึงทุ่มเทให้กับการสอนให้เด็กๆ ที่ดิฉันรับผิดชอบอยู่แถมเด็กๆ เองก็น่ารักมาก เดือนแรกของการทำงานดิฉันต้องคลุกตัวอยู่กับห้องเรียน เลิกเรียนก็อยู่ในห้องพักครูเพื่อเตรียมการเรียนการสอนในบทเรียนที่จะสอนในคราบถัดไปหรือวันถัดไป บางวันก็ถึงขนาดนอนหลับคาโต๊ะในห้องพักครูเลยก็มี ในช่วงเดือนแรกของการสอนที่ นี่ดิฉันจะอยู่ที่โรงเรียนตลอดไม่ได้ไปเยี่ยมคุณแม่ที่ปราจีนฯเลยได้แต่โทรศัพท์ไปหาท่านเพราะกลัวจะเตรียมในการการสอนไม่ทัน ส่วนเพื่อนครูคนอื่นที่เขาพักในอพาร์ทเม้นท์เดียวกับดิฉันพอวันศุกร์เย็นก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านบ้างไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือไปกับแฟนของเค้ากันบ้าง ส่วนมากในวันหยุดอพาร์ทเม้นร์ของดิฉันจึงมักจะเหลือดิฉันอยู่เพียงคนเดียวนอกนั้นก็จะเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยหรือรู้จักกันไม่เท่าไหร่ทั้งนั้น

วันที่เกิดเรื่องขึ้นนั้นเป็นวันศุกร์ก่อนสิ้นเดือน และเป็นการย่างเข้าสู่เดือนที่ 10 ใกล้กับการสอบปิดภาคปีการศึกษาและเป็น 10 เดือนแรกของการเป็นครูของดิฉัน ดิฉันก็ทำงานเป็นปกติเหมือนทุกวันแต่ก็ดูว่าจะเหนื่อยเป็นพิเศษอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยที่สะสมมาจากการที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนจากการต้องออกข้อสอบเก็บคะแนนและยังกิจกรรมต่างๆที่มีมากมายก่อนจะถึงช่วงสอบปิดเทอมใหญ่ในเดือนหน้า พอกลับถึงอพาร์ทเม้นท์ก็เลยอาบน้ำอาบท่าให้สบายเนื้อสบายตัว แล้วก็เปลี่ยนชุดอยู่บ้านสบายๆใส่เป็นเชิดลำลองผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนตัวใหญ่ยาวถึงช่วงหัวเข่าและสวมกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้นขอบยางสีขาวจุดแดงไว้ข้างในอีกชั้นก่อนจะใช้แป้งฝุ่นลูบไปตามลำคอและใบหน้าหน้าเบาๆ พอแต่งตัวเสร็จดิฉันก็กะว่าจะลงไปที่ร้านสะดวกซื้อใต้ถุนอพาร์ทเม้นท์เพื่อจะซื้อของใช้และขนมขบเคี้ยวมาตุนไว้เสียหน่อย กลับพลันนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารเกี่ยวกับคะแนนการสอบของนักเรียนชั้น ม.4 ไว้ที่ห้องพักครู แล้วยังจำได้อีกว่าดิฉันเป็นคนสุดท้ายที่ออกมาจากห้องพักครูและได้ล๊อกประตูห้องไปเรียบร้อยแล้ว หากจะเปิดเข้าไปก็ต้องไปเรียกให้นักการภารโรงมาเปิดให้ เวลาตอนนั้นก็ประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็นแล้วเห็นจะได้

ตอนนั้นก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกันที่ต้องกลับไปเอาเอกสารคนเดียวแต่เพราะเอกสารนั้นสำคัญมากซึ่งดิฉันต้องใช้ในเช้าวันจันทร์จึงจำเป็นต้องไปเอามาก็เลยตัดสินใจรองไปหาเพื่อนครูด้วยกันที่พักอยู่ในห้องถัดแต่ก็ปรากฏว่าเขาเองก็ไม่อยู่แล้ว จึงตัดสินใจลงมาและขับรถไปที่โรงเรียนเองคนเดียว เมื่อมาถึงดิฉันก็เห็นครูพละ 3 ท่านกำลังสั่งให้เด็กนักกีฬาที่กำลังวิ่งซ้อมบอลกันอยู่ที่สนามหญ้าของโรงเรียนกว่ายี่สิบคนโดยที่เด็กครึ่งหนึ่งถอดเสื้ออีกครึ่งก็ใส่เสื้อก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเพราะผู้คนก็ยังกลับบ้านกันไม่หมด ดิฉันจึงรีบเดินไปที่พักของพวกนักการของโรงเรียนซึ่งอยู่ด้านหลังโรงเรียน แต่พอดีดิฉันไปเจอกับนักการหญิงคนหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับดิฉันดีจึงตรงเข้าไปถามถึงกุญแจเขา แต่เขาก็ว่าเขาไม่ได้ถือกุญแจไว้และเขาต้องรีบไปที่ท่ารถเพราะพี่เขาเพิ่งโทรมาเมื่อตอน 4 โมงกว่าว่า ‘แม่เค้าป่วยหนัก’ และบอกกับดิฉันว่า “ครูต้องไปเอากุญแจกับนายเชิดที่บ้านพักด้านหลังโรงครัวโน้นนะค่ะ…”ซึ่งแกเองก็ชี้ไปที่บ้านหลังในสุดของถนนด้านหลังที่อยู่ติดกับโรงครัวของโรงเรียนซึ่งมีสวนเล็กๆที่มีมีต้นไม้ใหญ่และรั้วที่สร้างให้ไม้เลื้อยเกาะจนหนาทึบขึ้นบังระหว่างโรงครัวและตัวบ้านพักจนแทบจะมองไม่เห็นตัวบ้านพักเลย

พอดิฉันเดินถึงบ้านพักของนายเชิดก็เห็นที่หน้าห้องพักมีรองเท้าวางไว้อยู่หลายคู่แต่ประตูห้องกลับปิดสนิก ดิฉันจึงค่อยๆ เดินขึ้นไปบนระเบียงหน้าบ้านเพราะกลัวจะเสียมารยาท แต่พอมองไปที่เก้าอี้หน้าระเบียงก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นหนังสือวางอยู่ 2-3 เล่ม หน้าปกหนังสือขึ้นหัวว่า ‘ลับเฉพาะเปิดบริสุทธ์แดนอาทิตย์อุทัย’ ตอนนั้นดิฉันนึกอย่างไรก็ไม่ทราบแทนที่จะรีบทำเรื่องให้เสร็จเรียบร้อย กลับเดินตรงเข้าไปหยิบหนังสือนั้นมาเปิดพลิกดูด้านใน ดิฉันถึงกลับตัวชาและตะลึงเลย เพราะข้างในมีแต่รูปโป๊ ที่มีแต่การเสพสังวาสกันหลายท่าหลายทาง บางหน้าก็คู่เดียวบางหน้าก็หลายคู่ แถมบางคู่เห็นฝ่ายผู้ชายเอาท่อนเนื้อของตัวเองเข้าไปยัดตรงรูก้นของผู้หญิง ในบางภาพมีน้ำกามของผู้ชายพวยพุ่งออกมาจากลำกล้องขนาดมหึมาพุ่งใส่หน้าฝ่ายหญิง ตอนนั้นดิฉันฉันเกิดความรู้สึกเสียวแป๊บในท้องน้อยขึ้นมาทันที ดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของดิฉันหรือว่านี่เป็นอาการที่ตำราหนังสือเขาเรียกกันว่าความต้องการทางเพศ ดิฉันจึงรีบสะบัดศีรษะและไล่ความคิดเหล่านี้ออกไปในทันที แล้วก็รีบวางหนังสือเล่มดังกล่าวลงไว้ที่เดิม แล้วก็กะว่าจะเดินไปเคาะประตูเรียก แต่พอดิฉันยกมือขึ้นจะเคาะประตูพลันก็ได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงร้องครวญครางเบาๆ ทำให้มือดิฉันต้องหยุดชะงักลงกลางคันแล้วต้องตั้งใจฟังเสียงนั้นอีกทีว่าหูฝาดไปหรือเปล่า

“ฮือ…ฮื่อ…อูย…พี่เชิดฉันจะไม่ไหวแล้ว ซอยอีกนิดพี่ ควยพี่กระทุ้งลึกดีจริงๆ” ดิฉันตั้งใจฟังจับสำเนียงนี้ได้ชัดเจนเลย มือไม้ตกวูบ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นึกขึ้นใจเกิดอะไรขึ้นนี่ เขาทำอะไร ทำไมฉันถึงได้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา รู้สึกถึงความชื้นแฉะและตึงบริเวณหน้าขาของดิฉัน ดิฉันตกใจมากถอยหลังออกมาโดยอัตโนมัติ ขณะนั้นเองข้อศอกของดิฉันก็ไปถูกกระถางต้นไม้ที่ตั้งตรงหัวเสาบันใดระเบียงหล่นลงมาแตกดัง ‘เพล๊ง…’ หัวใจของดิฉันตกวูบจนแทบจะหยุดเต้น “ใครวะ… บังอาจมารบกวนความสุขของกู…” เสียงของนายเชิดนักการภารโรงตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมกับได้ยินเสียงโครมๆ เหมือนลุกลี้ลุกลนทำอะไรสักอย่าง “เดียวเถอะมึง…กูจะล่อให้น่วมเลย…” เสียงนายเชิงยังโหวกเหวกอยู่ข้างใน แต่ เสียงแค่นี้ก็สามารถตรึงเท้าทั้งสองข้างของดิฉันให้อยู่กับที่ไม่สามารถขยับ เขยื้อนไปไหนได้เลย เพราะฉันไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต ‘แอ๊ด…’ เสียงประตูเปิดออกมาพร้อมกับร่างอยู่สูงใหญ่ของนายเชิดยืนตระหง่านอยู่ พอเขาเห็นดิฉันก็แสดงสีหน้าตกใจหดตัวงอเล็กๆ อยู่ และผ้าขาวม้าให้เรียบร้อยแต่ก็เหมือนกับมีอะไรตุงๆ อยู่ในผ้าขาวม้าของแก กลับเป็นดิฉันเองที่ออกอาการรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกถึงความร้อนผ่าวๆและอาการตึงที่ใบหน้า หูอื้อไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย

“เอ้า…อาจารย์แพรพรรณ นั่นเองมาทำอะไรที่นี่ครับ…” นายเชิดพูดออก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความละอาย “คือ… คือ…เออ…คือ…ฉะ…ฉะ…ฉันจะมาขอยืมกุญแจ…หะ…ห้องพักครูไปเปิด หยิบเอาเอกสารหน่อยจ๊ะ…” ดิฉันตอบนายเชิดไปด้วยอาการประหม่าไปหมด “ไม่เป็นไรครับอาจารย์…อาจารย์ไปรอข้างบนได้เลย เดี๋ยวผมไปเปิดให้ครับ…” นายเชิดบอกด้วยความเกรงใจ “เอ่อ… ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ…ฉันไปเปิดเองได้ เอาของแป๊ปเดียวล่ะเดี๋ยวมาคืนให้ นายเชิดติดธุระอยู่ไม่ใช่หรือ…” พูดจบดิฉันก็นึกขึ้นได้ว่า คิดผิดที่พูดคำนั้นออกไป พอเงยหน้าสบตากับน้าเชิดเห็นเขายิ้มๆ รู้เย็นวาบขึ้นมาทั้งตัวเลย “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้…” น้าเชิดหันหลังเปิดประตูเข้าไปข้างห้อง แล้วก็เปิดอ้าไว้อย่างนั้นสายตาของดิฉันไม่สามารถหลบเลี่ยงทัน มองเข้าไปเห็นเด็กสาวรุ่นคนหนึ่งนอนซุกตัวเหมือนหลับอยู่ใต้ผ้าห่ม บนเตียงนอนหันหลังให้ปากประตู ตรงพื้นมีเสื้อผ้าและกระโปรงที่แสดงให้รู้ว่าเป็นของนักเรียนพานิชที่อยู่ใกล้ๆ โรงเรียนนี้ แล้วยังมีเสื้อผ้าของน้าเชิดที่เหวี่ยงเกลื่อกราดอยู่บนพื้นเช่นกัน เหมือนกับว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นพึ่งผ่านการต่อสู้กันมาอย่างดุเดือดเลือดพล่าน

ดิฉันอายจนต้องก้มหน้าไว้ตลอดเวลา จนกระทั่งน้าเชิดเดินอาดๆ ส่งกุญแจให้ พร้อมกับเสียงหัวเราะ ฮึ…ฮึ…อยู่ในลำคอ “เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์ แพรพรรณ ถ้าอาจารย์มาไม่เจอผมก็แขวนไว้บนตะปูข้างประตูนี้ก็ได้” พูดจบนายน้าเชิดก็เดินลงบันไดลิ่วไปทางหลังบ้าน แต่ไม่ยอดปิดประตูลงเหมือนจงใจให้ดิฉันเห็นได้เต็มที่ ส่วนดิฉันมึนงงกับเหตุการณ์นี้ไปหมด พอคว้ากุญแจได้ก็รีบจ้ำเท้าเดินลิ่วกลับออกมาจากเขตบ้านพักของนายเชิดอย่างรวดเร็ว แต่เพราะความรีบร้อนดิฉันจึงเกือบชนเข้ากับกลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังวิ่งอ้อมออกมาจากรั้วโดยที่ไม่ได้ทันได้สังเกตตร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นเด็กนักเรียนกลุ่มนั้นซึ่งดิฉันคาดว่าน่าจะเป็นนักเรียนชั้น ม.5 ม.6 กำลังเกาะกลุ่มวิ่งกันมาและทั้งหมดต่างก็กำลังหอบ แฮกๆ…แฮกๆ เพราะความเหนื่อย แต่เพราะเหตุที่ทุกคนถอดเสื้อวิ่งจึงเห็นเหงื่อที่กำลังไหลเป็นหยดน้ำเต็มตัวไปหมด เห็นทุกคนใส่แต่กางเกงฟุตบอลและรองเท้าสตั๊ดที่สวมถุงเท้าสูงขึ้นมาเกรียบถึงหัวเข่าอยู่ เข้าใจว่าคงเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ในกลุ่มนั้นมีเด็กอยู่ 2 คนที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าใครเพื่อนและหน้าตาก็ดูดีมากอย่าลูกคนมีเงินขนาดดิฉันไปยืนเทียนดูยังสูงได้แค่ระดับบ่าของเขาเท่านั้นเอง

นอกนั้นก็ดูดีแต่ก็สู้คนตัวโตไม่ได้ส่วนมากก็ตัวสูงกว่าดิฉันไม่มากนักพอมองไปตากตัวก็เห็นลำตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของทุกคนที่เพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาดูเด่นนูนเป็นมัดๆ การที่พวกเขาปรากฏตัวออกมาอย่ากะทันหันทำให้ดิฉันตกใจมากและพวกเขาก็คงตกใจเหมือนกันที่บังเอิญพบดิฉันที่นี่
“พวกเธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้…” ดิฉันรีบถามด้วยอาการที่ยังคงตกใจอยู่ “เออ..ครับเออ..พวกผมถูกทำโทษให้วิ่งรอบโรงเรียนนะครับ…” เสียงแหบๆ ของเด็กที่ตัวโตสุดในกลุ่มซึ่งคงเป็นหัวหน้าด้วยตอบดิฉันมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเหนื่อยหอบอยู่ “คือ อย่างนี้ครับอาจารย์ พวกผมเล่นแพ้อีกทีมเลยต้องถูกทำโทษอย่างนี้กันนะครับ…อาจารย์ช่วยหลีกทางหน่อยครับเดียวพวกผมจะโดนทำโทษหนักกว่านี้” อีกคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างหอบๆ แต่ก่อนที่ดิฉันจะทันขยับเจ้าคนตัวสูงก็ถามออกมาอีกว่า “แล้วอาจารย์จะไปไหนหรือครับ…” ดิฉันเองก็ตอบมันไปอย่างไม่เฉลียวใจเลยว่าได้บอกสถานที่ที่ให้โอกาสพวกมันมาทำมิดีมิร้ายกับดิฉันจนดิฉันต้องจำไปจนวันตายว่า

เนื่องจากอาคารเรียนได้ปิดแล้วลิฟท์ภายในอาคารจึงไม่สามารถใช้งานได้ ดิฉันจึงต้องเดินขึ้นบันไดและต้องผ่านชั้นลูกกรงเหล็กที่ปิดทางขึ้นลงตัวอาคารซึ่งตั้งปิดอยู่ตรงช่องพักของขั้นบันไดระหว่างชั้นใต้ถุนตัวอาคารและชั้น 1 ของอาคาร และต้องเดินต่อขึ้นไปอีกชั้น 5 จึงจะถึงชั้นของห้องพักครูและต้องเดินต่อจนสุดระเบียงตึกถึงจะถึงห้องพัก กว่าจะขึ้นมาถึงห้องพักครูบรรยากาศโดยรอบตัวก็เริ่มมืดสลัวลงแล้ว ดิฉันรีบเปิดประตูเข้าไปเปิดไฟแล้วก็เดิงตรงไปที่โต๊ะของดิฉันแล้วจึงก้มลงไขกุญแจเปิดลิ้นชัก เพื่อหยิบเอกสารที่ต้องการแต่ก็ต้องตกใจเพราะเอกสารนั้นควรอยู่ที่ลิ้นชักด้านซ้ายแต่ก็ไม่พบมันดิฉันจึงต้องเสียเวลาหาเอกสารก่อนที่จะเจอว่ามันถูกวางไว้บนโต๊ะใต้ชั้นตะแกงเอกสาร เมื่อได้เอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเก็บของเข้าที่และปิดไฟปิดประตูก่อนจะค่อยๆ เดินมายังบันไดทางลง ในตอนนั้นดิฉันรู้สึกผ่อนคลายลงมากแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็อดคิดถึงภาพของนายเชิดกับเด็กสาวคนนั้นไม่ได้ ยังดีหน่อยที่ว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนระดับชั้นมัธยมเลยไม่น่าจะใช่เด็กในโรงเรียนนี้ ดิฉันเหลือบไปดูบรรยากาศไกลๆ ออกไปเห็นแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าผ่านตัวอาคารรูปทรงต่างๆ ดูแล้วช่างสวยงามเหลือเกิน

ดิฉันจึงเกาะระเบียงเพื่อรอดูลำแสงสุดท้ายของดวงสุริยาที่มอบความอบอุ่นให้แก่สรรพสิ่งบนพื้นพิภพและปล่อยความคิดล่องล่อยเรื่อยเปื่อยมาจนกระทั่งแสงสุดท้ายรับขอบฟ้าไปและไฟระเบียงซึ่งเป็นไฟอัตโนมัติก็สว่างขึ้น ดิฉันจึงเดินต่อลงมาจนถึงบันไดชั้น 3 แต่แล้วดิฉันก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อดิฉันก้าวต่อลงมาจนถึงช่องพักระหว่างชั้น ที่ 3 และชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นจุดที่พักกว้างที่สุดของที่พักระหว่างขันบันไดและในชั้นนี้เองก็มีห้องน้ำไว้อีกด้วย มันจึงเป็นมุมอับที่ไม่สามารถมองเข้ามาเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นจากด้านนอกได้ถ้าไม่เดินเข้าตรงทางลงที่ชั้น 3 หรือทางขึ้นที่ชั้น 2 ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ก็มีเสียงวิ่งตามดิฉันลงมาจากชั้น 3 แต่ก่อนที่ดิฉันจะทันหันไปมองก็มีมือข้างหนึ่งเข้ามาโอบกอดดิฉันจากด้านหลังแต่ก่อนที่ปากของดิฉันจะทันได้ร้องอะไรออกมาก็มีมืออีกข้างมาปิดปากของดิฉันไว้ แล้วตัวของดิฉันก็ถูกยกขึ้นจนลอยและไอ้คนข้างหลังก็อุ้มพาดิฉันเข้าไปขึงกับกำแพงทันที ตอนนั้นดิฉันตกใจมากพยายามหันกลับไปดูก็เห็นผู้ชายสองคนอยู่ที่ด้านหลังใส่หมวกไอ้โม่งทั้งคู่กลิ่นสาบเหงื่อฉุนแตะจมูกจนเวียนศีรษะจากนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนดิฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

“อาจารย์จะรีบไปไหนละครับ…อยู่สอนเพศศึกษาให้พวกผมก่อนซิครับ…กลิ่นตัวของอาจารย์นี่หอมจังเลยครับ…หอมจนพวกผมทนกันไม่ไหวเลยต้องปีนต้นไม้ด้านหลังมาดักรออาจารย์…” เสียงแหบๆพ่นออกมาจากปากของไอ้โม่งที่ตัวใหญ่สุดทำให้ดิฉันรู้ได้ในทันทีว่าเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนที่เจอตรงทางด้านหลังโรงเรียนที่หัวมุมของโรงครัวนั่นเอง แต่ในตอนนี้มีพวกมันอยู่แค่สองคนเท่านั้น ดิฉันพยายามร้องและขัดขืนด้วยแรงของผู้หญิงอย่างดิฉันมีหรือจะสู้แรงของผู้ชายตัวโตที่อยู่ด้านหลังได้ มือทั้งสองข้างของดิฉันก็ถูกจับให้ไขว้หากันทางด้านหลังและก็โดนน้ำหนักตัวของมันกดเข้ากับกำแพงพยายามดิ่นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ “พี่มอสมัดปากอีอาจารย์นี่เร็วๆซิครับ…มันกัดมือผมจนจะไม่ไหวแล้ว..”ไอ้คนที่ล็อคร่างของดิฉันอยู่มันร้องบอกลูกพี่มันออกมา แล้วไอ้ลูกพี่ของมันก็เอาผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดหน้าไม่อาจทราบได้ผืนเล็กๆออกมาก่อนที่ลูกน้องมันจะปล่อยปากของดิฉันแต่ก่อนที่ดิฉันจะทันร้องออกมาก็โดนบีบเข้ามาแก้มและมันก็ยัดผ้าผืนนั้นเข้าไปในปากของดิฉันและใช้ผ้าอีกผืนหนึ่งซึ่งยาวกว่าผืนแรกมามัดที่ปากของดิฉันไว้อีกชั้นเพื่อไม่ให้ดิฉันส่งเสียงร้องได้ ตอนนั้นดิฉันรู้สึกกลัว…กลัวมากๆ ในใจก็คิดถึงแต่คุณพ่อคุณแม่และก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้หรือไม่

น้ำตาของลูกผู้หญิงอย่างดิฉันก็ไหลนองออกมาอย่างไม่สามารถหยุดได้ ก่อนที่ไอ้คนตัวโตซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าเพราะตัวมันใหญ่กว่าใครเพื่อนจะส่งเสียงเรียกเบาๆเรียกให้ลูกน้องมันอีกคนที่ดูต้นทางที่บันไดทางขึ้นลงอาคารในอีกชั้นขึ้นมาสมทบ พอมันอีกตัวมาถึงไอ้คนที่กดร่างของดิฉันไว้กับกำแพงก็ปล่อยตัวดิฉันออกมาแล้วมันทั้งสองคนก็จัดการจับที่แขนของดิฉันคนละข้างแล้วดันให้ดิฉันกลับเข้าไปหากำแพงอีกครั้ง “เฮ้ย… ไอ้นัทมึงกับไอ้บอล ..พวกมึงจับอีอาจารย์คนสวยไว้ให้ดีๆ…” ไอ้คนตัวโตหัวหน้าของพวกมันออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด แล้วไอ้หัวหน้ามันก็เข้ามาเผชิญหน้ากับดิฉัน ตอนนั้นดิฉันทำอะไรไม่ถูกเลยขณะนั้นพยายามร้องให้คนช่วยก็ร้องไม่ออกมีแต่เสียงอู้อี้ในลำคน น้ำตาเองก็ไหลนองออกมาด้วยความกลัว ดิฉันพยายามดิ้นไปมาแต่พอดิ้นได้สักพักก็เริ่มอ่อนแรงลง ไอ้หัวหน้าจึงพยักหน้าทีหนึ่งแล้วลูกน้องของมันที่ขนาบซ้ายขวาของดิฉันก็จัดการเอาขาของมันมาเกี่ยวล๊อคขาของดิฉันเอาไว้แล้วจึงดึงให้ขาของดิฉันถ่างออกจากกัน ตอนนั้นดิฉันพยายามร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้งแต่ก็มีค่าเท่าเดิม ไอ้หัวหน้ามันก็ตรงมาที่ตัวดิฉัน แล้วก็พูดกับอีกสองคนนั่นว่า

“ให้กูเบิกร่องอีอาจารย์คนสวยคนนี้ก่อนนะ…แล้วพวกมึงค่อยตาม…” ว่าแล้วมันก็นั่งยองๆลงให้หน้าของมันอยู่ตรงเอวของดิฉันพอดี แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไรลูกน้องมันก็ร้องออกมาว่า “พี่มอสของพี่อะใหญ่จะตาย…ให้พวกผมก่อนไม่ได้หรอ…” “ไอ้สัดกูลูกพี่มึงกูก็ต้องก่อนซิวะ…” แล้วมันก็ใช้มือของมันทั้งสองข้างลูบขึ้นไปตามเรียวขาขาวของดิฉันก่อนที่จะถลกชายเสื้อเชิดขึ้นมาเหนือเอว เมื่อมันเห็นเรียวขาขาวผ่องเป็นยองใยของดิฉัน ใบหน้าของมันลอยอยู่ตรงบริเวณหน้าท้องน้อยพอดี เมื่อมันเห็นกางเกงขอบยางที่ดิฉันใส่อยู่อีกชั้นมันจึงจับขอบยางและดึงกางเกงของดิฉันลงมาพร้อมกับชั้นในสีขาวตัวล่าง ดวงตามันก็เหลือกจับจ้องอยู่แต่ตรงเนินโคกโหนกนูนขึ้นมา เห็นกลุ่มเส้นขนนุ่มบางๆสีน้ำตาลอ่อนขึ้นเป็นหย่อมน้อยๆเหนือร่องผ่ากลางของเนินเนื้อที่ไม่มีเส้นเส้นขนขึ้นต่อจากกลุ่มขนนั้นอีกเลย เมื่อรู้สึกเช่นนั้นดิฉันจึงฝืนตัวพยายามดิ้นรนอีกครั้งน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก็ไหลออกมาอีกครั้งด้วยความหวงแหงในจุดบริเวณนั้นที่เป็นที่หวงแหงที่สุดของหญิงสาวทุกคน ดิฉันเองก็เพิ่งก้าวเข้าสู่ความเป็นสาวอย่างเต็มตัวมาได้ไม่ถึง 12 ปีดี แต่ตอนนี้ก็จะต้องสูญเสียมันให้กับผู้ชายที่ดิฉันแทบจะไม่รู้จักและมีฐานะเป็นแค่ลูกศิษย์คนหนึ่งของดิฉันเท่านั้น เมื่อพวกมันเห็นเนินเนื้อของดิฉันอย่างเต็มๆตามันก็เหลือกตาจองมองด้วยสายตาที่หื่นกระหาย

“โอ้…โฮ… เฮ้ย…กูว่าแล้ว…อาจารย์คนสวยนี้นอกจาก หน้าตาสวย หุ่นดีแล้ว หียังโคตรโหนกแล้วก็สวยด้วยว่ะ…” มันพูดพลางก็เอามือดึงไอ้โม่งออกไป เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างลูกคนมีเงินแต่ดูเหี้ยมเกรียมและหืนกระหายของมันอย่างที่มันไม่กลัวความผิดที่มันกำลังจะทำกับดิฉันเลย แล้วมันก็เอามือของมันลูบไล้เล่นแถวบริเวณโคนขาตรงจุดขาหนีบต่อกับโคกเนื้อสามเหลี่ยมของดิฉัน ดิฉันเองในตอนนั้นได้แต่หันหน้าและหลับตาลงพร้อมๆกับน้ำที่ไหลออกมา แต่พอนิ้วของมันเริ่มล้วงผ่านเข้าไปในลอยแยกของกลีบเนื้อดิฉันก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาแต่แล้วความรู้สึกเสียวก็เกิดขึ้นทันทีก่อนที่มันจะเริ่มลามจากบริเวณเนินสามเหลื่อมมาจนถึงท้องน้อยอีกครั้งเหมือนกับตอนที่แอบดูหนังสือโป๊ ที่บ้านนายเชิดนักการภารโรงของโรงเรียน
“เป็นยังไงบ้างครับ… ผมว่าอาจารย์คงอยากบ้างแล้วละแฉะเชียว…” มันเงยหน้าขึ้นมาพูดกับดิฉัน ดิฉันถึงกับหน้าแดงซ่านอีกครั้งเมื่อถูกคนอื่นจับความรู้สึกได้

“อาจารย์คนสวยครับ…วันนี้ผมขอชวนอาจารย์มาสอนวิชาเพศศึกษาให้กับพวกผมหน่อยนะครับ สอนเรื่องหี เรื่องควย ตามหลักทฤษฏีก่อนและอาจารย์ค่อยไปสอนในภาคปฏิบัตินะครับ…ผมรับรอง อาจารย์จะต้องติดใจมาสอนพวกผมอีกแน่ๆ…” พูดจบมันก็พยายามสอดนิ้วเข้าไปสัมผัสกับเม็ดติ่งแตดของโคกหีดิฉันจนดิฉันต้องแขม่วหน้าท้องและเขย่งเท้าเพื่อหนีนิ้วที่กำลังบีบบี้ที่ติ่งเสียวของดิฉัน พอถึงตอนนี้อีกสองคนก็พร้อมใจกันดึงไอ้โม่งออกกันหมดอย่างรู้ใจกันแล้วไอ้สองตัวที่ล๊อคขาทั้งสองข้างของดิฉันไว้รีบปล่อยและไอ้หัวหน้ามันก็จัดการดึงกางเกงทั้งนอกและในของดิฉันลงมากลองที่ข้อเท้าทั้งสองข้างทันทีก่อที่จะจับขาซ้ายของดิฉันยกขึ้นและดึงให้กางเกงทั้งสองตัวหลุดออกไปจาขาซ้ายแล้วไอ้สองตัวจะรีบจัดการล๊อคขาของดิฉันและเกี่ยวมันให้ถ่างออกจากกันอีกครั้ง เมื่อสิ่งปกปิดของดิฉันหมดไปไอ้ตัวหัวหน้าก็ก้มลงและซุกใบหน้าของมันเข้ามาที่เนินหน้าขาของดิฉัน ความรู้สึกเสียวจี๊ดที่บริเวณหน้าขาลามมาจนถึงช่องท้องน้อยก่อนที่จะมาที่หน้าอกและมาถึงศีรษะ ทำให้ดิฉันต้องสะบัดหน้าไปมาและเสียงร้อง ‘อื้อออ’ ที่ไม่สามารถดังเล็ดรอดออกจากปากที่ถูกปิดของดิฉันได้แต่ถ้าปากของดิฉันไม่ถูกปิดเสียงร้องนั้นคงจะดังไปทั้งตัวตึกแน่นอน

ถึงตอนนี้ดิฉันก็แทบจะหมดแรงทรงตัวดีที่ไอ้สองคนที่มันล๊อคร่างกายและพยุงตัวของดิฉันไว้ แต่พอไอ้หัวหน้าของมันเงิยหน้าออกมาและพยักหน้าทีเดียวไอ้สองคนก็เปลี่ยนจากจับล๊อคแขนของดิฉันมาเป็นยกแขนของดิฉันให้อ้อมหัวของพวกมันแล้วสอดตัวเข้ามาอยู่ใต้จักกะแร้ของดิฉัน ดิฉันจึงมีสภาพที่ถูกพวกมันหิ้วปีกไม่จนไม่สามารถที่จะช่วยอะไรตัวเองได้แล้วพวกมันจึงจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิดตัวใหญ่ของดิฉันออกพร้อมทั้งถลกยกทรงสีเขียวอ่อนที่ปกปิดเต้านมของดิฉันขึ้นจนเต้านมอวบขนาด 32” ของดิฉันเป็นอิสระ แล้วมันทั้งคู่ก็ตกตะลึงกับขนาดของทรวงอกของดิฉันก่อนที่มันจะร้องออกมาว่า “โหยอาจารย์คนสวยแกซ่อนรูปว่า…แม่งนมใหญ่ซิบ” แล้วพวกมันก็ก้มหน้าลงมาหาเต้านมของดิฉันก่อนที่พวกมันจะใช้ลิ้นเลียไปตานเนินเนื้อหน้าอกก่อนที่จะหันมาดูดยอดนมของดิฉันคนละข้าง พอถึงตอนนี้ดิฉันก็ได้แต่แอ่นสะโพกใส่ไอ้ตัวหัวหน้าของพวกมันและส่ายหน้าอกของตัวเองไปมาตามแรงดูดของพวกมันอีกสองตัว น้ำตาขอองดิฉันก็ได้แต่ไหลออกมาจนในที่สุดิฉันก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความตึงในช่องท้องและเจ็บที่เนินหน้าขา
“แม่งรูหีโครตฟิตเลยวะ…นิ้วกูแทบแยงไม่เข้า”เสียงอุทานของไอ้ตัวใหญ่ที่อยู่ที่ง่ามขาของดิฉันมันร้องบอกพวกมันออกมา

“สงสัยอีอาจารย์คนสวยจะยังซิงอยู่นะพี่” “เออกูก็ว่างัน…พวกมึงจับแน่นๆนะกูจะเบิกร่องแล้ว…” “ครับพี่มอส…เบาๆหน่อยนะพี่เดียวอีอาจารย์คนสวยจะขาดใจตายซะก่อน” เมื่อพวกมันพูดเสร็จไอ้กลุ่มเด็กเลวทั้งสามก็พร้อมใจกันหัวเราะแล้วไอ้หัวหน้าที่ตอนนี้ดิฉันรู้แล้วว่ามันชื่อ ‘มอส’ มันก็ถอดกางเกงขาสั้นของมันลงและสะบัดออกไปทางอื่นท่อนควยที่ยังซุกเป็นลำแต่โผล่ส่วนหัวที่เห็นเป็นดอกเห็ดขนาดใหญ่ที่ยาวออกมาจนเกือบถึงสะดือของมัน ซึ่งตัวท่อนควยยังคงอยู่ในกางเกงในสีน้ำเงินของมันแล้วมันก็รูทชั้นในตัวสุดท้ายของมันลง ดิฉันแทบสิ้นสติเมื่อเห็นท่อนควยของมันทั้งดุ้น ท่อนควยมันยาวประมานจากสายตาก็ยาวกว่า 7” เกือบๆ 8” และความอวบใหญ่ก็พอๆกับขวดเป๊ปซี่ขนาด 8 บาทเลยทีเดียว แถมยังมีเม็ดตุ่มๆที่บริเวณลำตัวของท่อนควยของมันอีก 4 ตุ่ม “อาจารย์รู้หรือเปล่าครับ…ว่าอาจารย์นี่โคตรโชคดีเลย…ผมเพิ่งหายเจ็บจากแผลที่พี่เชิดแกใส่มุกให้ผมเอง…เดียวผมขอรองกับอาจารย์เป็นคนแรกนะครับ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นดิฉันก็พยายามบิดข้อมือไปมาและพยายามสะบัดและดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของลูกน้องมันอีก 2 ตัวที่ล็อคตัวดิฉันไว้แต่มันก็ไร้ค่า พอลูกพี่มันพยักหน้าไอ้ลูกน้องตัวที่อยู่ด้านซ้ายมือของดิฉันก็ปล่อยขาที่ล็อคขาของดิฉันไว้ทันทีแล้วลูกพี่ของพวกมันก็เข้ามาประชิดตัวดิฉันก่อนที่มันจะยกขาซ้ายของดิฉันขึ้น เมื่อดิฉันเหลือขาที่สัมผัสกับพื้นเพียงข้างเดียวมันก็เหมือนกับว่าร่างกายของดิฉันถูกยกขึ้นโดยพวกมันอีกสองคน มือข้างหนึ่งของมันจับที่ดุ้นควยขนาดใหญ่มาจ่อเข้าที่เนินเนื้อของดิฉันแล้วดิฉันก็รู้สึกเหมือกับว่ามันกำลังปาดหัวควยของมันไปมาตามล่องเนื้อของดิฉันแล้วดิฉันก็ต้องพยายามเขย่งเท้าขวาเพื่อยกตัวหนีท่อนควยของมันอย่างสุดชีวิต เมื่อความรู้สึกแน่นที่ปากช่องคลอดเริ่มเกิดขึ้นความจุกและเจ็บก็เริ่มตามมาใบหน้าของดิฉันสะบัดส่ายไปมาน้ำตาก็ไหลนองออกมาและแล้วไอ้มอสมันก็ยกขาซ้ายของดิฉันไปให้ลูกน้องของมันจับขาซ้ายของดิฉันให้ยกค้างเอาไว้แล้วมันก็เอามือของมันทั้งสองข้างมาจับเข้าที่เอวของดิฉันและกดตัวดิฉันลงมาความแน่นและเจ็บ…เจ็บอย่างที่ดิฉันไม่เคยเจอมาก่อนก็ไหลทะลักขึ้นมาจากสะโพกจนถึงหนังศีรษะเสียงร้อง ‘อื้ออออ’ ยาวๆๆๆก็ดังออกมาจากลำคอของดิฉันที่พยายามตระเบ็งออกมา

แล้วไอ้ตัวหัวหน้ามันก็ถอนตัวออกมานิดก่อนที่มันจะยกตัวขึ้นอีกครั้งและถอนออกก่อนยัดเข้ามาอีกครั้ง ร่างกายของดิฉันสั่นสะท้านเพราะความเจ็บที่เกิดจากสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ที่กำลังไหลเข้ามาในร่างกายของดิฉันลึกขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุกเม็ดมุกของมันก็แหวกแทรกเข้ามาในโพลงเนื้อของดิฉันจนดิฉันต้องสะดุ้งตัวสุดๆแล้วมันก็เริ่มออกแรงกระเด้นดิฉันเบาๆโดยที่ใบหน้าของมันอยู่ใกล้ๆกับใบหน้าของดิฉัน มันเริ่มที่จะเลียใบหูของดิฉันก่อนที่มันจะขบใบหูของดิฉันเบาๆแล้วมันก็แยงลิ้นของมันเข้าไปในรูหูของดิฉัน ดิฉันพยายามสะบัดหน้าหนีแต่พอหันอีกด้านมันก็ทำกับหูของดิฉันเหมือนอีกข้างจนในที่สุดดิฉันก็ต้องหันหน้าอีกข้างให้กับมันมันก็ทำอีกเช่นกัน แต่แล้วมันก็ปล่อยมือที่เคยจับสะโพกของดิฉันออกและยกมันขึ้นมาที่เนินหน้าอกของดิฉันก่อนที่มันจะเริ่มบีบไปมาทั้งสองเต้าจนดิฉันต้องแอ่นทรวงอกให้มันและดิฉันก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมันเริ่มที่จะเดินหน้าท่อนควยของมันอีกครั้งจนในที่สุดท่อนควยของมันก็เข้าสู่ร่างกายของดิฉันจนหมดความรู้สึกที่มีบางอย่างมากระทบกับปากมดลูกที่อยู่ภายในช่องท้องของดิฉัน มันทำให้ดิฉันรู้สึกจุกขึ้นมาทันที่ แล้วไอ้มอสมันก็บดโหนกควยของมันเข้ากันเนินเนื้อที่เปราะบางของดิฉัน

ความเจ็บที่แผ่ซ่านจากช่องท้องและเนินหน้าขาที่แผ่ออกไปจนทั่วร่างกายทำให้ดิฉันแทบจะสิ้นสติและแล้วไอ้มอสมันก็เริ่มที่จะชักท่อนควยของมันออกมาแล้วมันก็ก้มหน้าลงไปมองก่อนที่มันจะร้องออกมาว่า “เฮ้ย…อีนี่แมงยังซิงอยู่จริงๆด้วยวะ…แมงเลือดหีเต็มเลยมึง”เมื่อลูกน้องมันได้ยินทั้งสองตัวก็รีบก้มหน้าลงไปมองด้วยสนใจเช่นกันก่อนที่ลูกน้องมันคนหนึ่งจะร้องออกมาว่า “โหยพี่มอสหีอีอาจารย์คงฉีกแล้ว…ควยพี่โคตรใหญ่ซิบหายเลย” “ซีดดด…เออวะแม่งแน่นซิบ…ซีดด…ตอดถี่ยิบเลยวะ” แล้วมันก็กดเข้าไปอีกครั้งก่อนที่มันจะเริ่มสะกิดให้ลูกน้องของมันทางด้านขวาของดิฉันปล่อยขาของดิฉันออกแล้วมันก็จัดการยกขาขวาของดิฉันขึ้นมาเกี่ยวเข้าที่เอวของมันลูกน้องของมันทางด้านซ้ายก็ยกขาซ้ายของดิฉันให้ไอ้มอสยกต่อเอาเอง แผ่นหลังที่ตอนนี้ชื้นเหงื่อของดิฉันที่สัมผัสกับความเย็นของพื้นคอนกรีตของกำแพงในบริเวณหัวไหล่ในขณะที่ช่วงล่างถูกดึงให้ลอยออกจากกำแพงและแอ่นเนินหน้าขาของดิฉันไปหามัน ไอ้มอสมันก็เริ่มที่จะสาวท่อนควยของมันเข้าออกที่เนินหน้าขาของดิฉันจากช้าไปหาเร็วได้คล่องขึ้นด้วยของเหลวที่ช่วยสารหล่อลื่อเป็นอย่างดีที่ได้จากเลือดของความสาวของดิฉันผสมกันน้ำเมือกที่ไหลนองออกมาจากต่อมใต้ติ่งคลิตอริสเพื่อช่วยลดอาการฝืดของสำผัสที่เกิดจากสิ่งแปลกปลอมที่กำลังเคลื่อนที่เข้าออกในช่องคลอดของดิฉัน

ตอนนี้เสียงที่โหนกหน้าขาของดิฉันกับโหนกโคนควยของมันเริ่มปะทะกันแรงขึ้นจนเกิดเสียง ‘ปับๆๆ’ ของเนื้อที่ปะทะกันและเสียง ‘เจาะแจะ’ ที่เกิดจากน้ำเมือกและเลือดสาวของดิฉัน ความรู้สึกที่เจ็บที่ง่ามขาความรู้สึกแน่นและอึดอัดในช่องท้องที่ทรมานดิฉันจนแทบจะสลบ ในขณะที่ไอ้มอสมันได้แต่ร้องครางออกมาอย่างสุขสม เสียงร้องของมันได้บีบหัวใจที่บอบช้ำของดิฉันอย่างที่ไม่อาจจะพรรณนาได้ ความเจ็บที่มีผลต่อร่างกายของดิฉันจนดิฉันต้องเกรงร่างที่บอบบางจนเริ่มล้า หยดน้ำตาที่ตอนนี้มันไม่มีจะไหลอีกต่อไป ร่างกายของดิฉันแทบจะมีสภาพเป็นแค่กองตุ๊กตาผ้าที่พร้อมจะให้พวกมันจัดท่าทางอย่างไรก็ได้สุดแต่ที่พวกมันจะนึกได้ ความอึดของไอ้มอสมันเริ่มทำให้พวกลูกน้องของมันร้องออกมาจากความเมื่อที่ต้องรับน้ำหนักตัวขนาด 42 กิโลฯ ของดิฉัน มันจึงร้องออกมาว่า “พี่มอส…จับอีนี่ลงนอนเถะพี่พวกผมเมื่อยแล้ว…” แล้วพวกมันก็ทรุดลงนั่งทำให้ดิฉันต้องลงนอนสัมผัสกับความเย็นของพื้นอาคารเรียนที่ฉันเคยเดินไปมาเพื่อเข้าไปสอนให้ความรู้กับเหล่านักเรียนภายในห้องเรียนต่างๆด้วยรอยยิ้มและความสุขภายในอาคารแห่งนี้แต่ตอนนี้มันกำลังกลายเป็นนรกของดิฉัน

เมื่อตัวดิฉันนอนราบลงกับพื้นพร้อมๆกับพวกมันไอ้มอสจับขาทั้งสองข้างของดิฉันยกขึ้นพาดบนบ่าหนาของมันและโน้มตัวกดลงจนหัวเข่าของดิฉันสัมผัสกับทรวงอกเมื่ออยู่ในท่านี้ก้นของดิฉันจึงถูกยกขึ้นสูงเมื่อได้ที่ไอ้มอสก็เริ่มขยับเอวของมันอีกครั้ง ดิฉันได้แต่ร้อง ‘กรี๊ด’ แต่เสียงที่ดังออกมากลับเป็นเสียง ‘อื้ออออ’ ในลำคอที่เสียงไม่สามารถผ่านก้อนผ้าที่พวกมันใช้อุดเข้ามาในช่องปากของดิฉันออกมาได้น้ำตาที่เคยคิดว่ามันหมดไปแล้วก็เริ่มไหลออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับความทรมานเหมือนมีท่อนเหล็กเผาไฟกำลังขยับเข้าออกในช่องคลอดของดิฉัน ความทรมานที่เกิดกับดิฉันมันทำให้ดิฉันแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกมันเจ็บมากๆเลยค่ะ แต่ยังไงดิฉันก็ต้องนอนทนให้ไอ้มอสมันสาวท่อนควยของมันเข้าออกในช่องคลอดของดิฉันต่อไป พอดำเนินต่อมาได้อีกสักพักมันก็วางขาขวาของดิฉันลงก่อนที่มันจะบอกลูกน้องมันว่า “อีนี่คงหมดฤทธิ์แล้วพวกมึงปล่อยมันได้แล้วเดียวกูจะเย็ดแม่งให้สุดๆ เลย”

เมื่อไอ้หัวหน้ามันสั่งไอ้ลูกน้องอีกสองตัวจึงปล่อยแขนของดิฉันที่ตอนนี้สภาพของดิฉันนั้นเป็นอย่างที่ไอ้มอสบอกทุกอย่าง ดิฉันไม่เหลือแรงที่ทำอะไรอีกแล้วได้แต่นอนรอให้พวกมันใช้เรียงร่างที่เป็นที่หวงแหนของดิฉันสำเร็จความไคร่ของพวกมันด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เมื่อลูกน้องของมันปล่อยมือของดิฉันและถอยออกไปนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดเหนือศีรษะของดิฉันไอ้มอสก็จัดการปล่อยขาข้างขวาของดิฉันลงก่อนที่จะจับตัวของดิฉันให้นอนตะแคงข้างให้มันโดยที่ขาข้างซ้ายของดิฉันยังอยู่บนบ่าของมันแล้วมันก็เริ่มกระเด้าดิฉันอีกครั้งเริ่มจากช้าแล้วมันก็เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่แทนที่ดิฉันจะรู้สึกเสียวไปกับมันดิฉันกลับรู้สึกถึงความร้าวระบมที่เนินเนื้อหน้าขาของดิฉัน แต่ในขณะที่หัวหน้าของพวกมันกำลังกระเด้าดิฉันอยู่อย่างเมามันไอ้ลูกน้องของมันคนหนึ่งก็รุกเดินเข้ามาหาดิฉันก่อนที่มันจะยื่นท่อนควยของมันที่อยู่ในอุ้มมือมันมาจ่อที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคาบน้ำตาและเม็ดเหงื่อของดิฉัน แล้วเจ้าดอกเห็ดในอุ้มมือของมันก็ฉีดของเหลวข้นๆขาวๆออกมาปะทะกับใบหน้าของดิฉันกลิ่นคาวของน้ำอสุจิที่เปรอะและไหลไปตามแก้มและอุดที่รูจมูกของดิฉันหนังจาที่ไอ้คนแรกเสร็จอีกคนมันก็มาทำตามเช่นกัน

ความรวดร้าวที่เนินหน้าขาของดิฉันดำเนินต่อไปได้อีกม่นานไอ้มอสมันก็เริ่มจับให้ดิฉันนอนหงายอีกครั้งแต่ในครั้งนี้มันจับที่เข่าของดิฉันทั้งสองข้างก่อนที่มันจะให้แบะออกและกดลงจนหัวเข่าของดิฉันสัมผัสกับพื้นกระเบื้องของอาคารนรกแห่งนั้นแล้วมันก็จัดการระดมกำลังเข้ากระเด้าเย็ดดิฉันอย่างรุนแรง ในขณะที่ดิฉันทำได้แค่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาวางทำท่าจะยันหน้าท้องของมันไว้แต่ดิฉันก็ไม่มีแรงที่จะทำอะไรมากไปกว่าทำท่าวางมือแปะที่กล้ามหน้าท้องของมัน เสียงร้อง ‘อื้ออออออ’ ของดิฉันที่ดังยาวออกมาจากลำคอใบหน้าที่เชิดสูง พร้อมๆกับอาการบิดตัวเท่าที่แรงของดิฉันจะเหลือ และแล้วในอีกไม่นานเท่าไหร่ไอ้มอสมันก็เกร็งตัวและกระตุกพร้อมๆทั้งมีไออุ่นของน้ำเชื้อของมันถูกฉีดเข้ามาในช่องท้องน้อยของดิฉัน ก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงมากอดดิฉันไว้และหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย พอผ่านไปได้สักพักไอ้มอสมันทำท่าจะหอมแก้มของดิฉันแต่มันก็ชะงักเพราะน้ำเชื้อของลูกน้องมันที่ได้ปล่อยไว้กับใบหน้าของดิฉันมันจึงเงิยหน้าขึ้นและร้องด่าลูกน้องของมันออกมา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเปล้าหมายใหม่มาเป็นเต้านมของดิฉันแทน

มันดูดหัวนมของดิฉันสับไปมาได้สักพักไอ้ลูกน้องของมันคนหนึ่งก็เข้ามาสะกิดมัน “พี่มอส…ขอพวกผมบ้างพี่” “เออ..เดียวซิวะนมอีนี่แมงโคตรหวานเลย” เมื่อมันว่าเสร็จมันจึงเริ่มขยับตัวและรุกขึ้นจากร่างกายของดิฉัน เสียง ‘ป๊อกกก’ ที่ดังขึ้นมาพร้อมๆกับอาการเย็นวาบที่เข้ามาในช่องคลอดทำให้ดิฉันรู้สึกดีขึ้นมานิดแต่ก็ได้ไม่นานเมื่อไอ้เด็กเลวอีกคนหนึ่งมันรีบแทรกตัวเข้ามาในหว่างขาที่ยังคงถ่างอ้าอยู่ของดิฉันก่อนที่มันจะเริ่มสอดใส่ดุ้นเนื้อของมันเขามาในร่างที่บอบช้ำของดิฉัน ดิฉันได้แต่ส่ายหน้าและร้องเสียง ‘อู้อี้’ ที่พยายามจะส่งเสียงร้องว่า ‘พอแล้ว’ ออกมา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรดิฉันเลย แต่ก่อนที่ไอ้นั่นมันจะเริ่มกระเด้าไอ้เด็กอีกคนมันก็ร้องออกมาว่า “อ้าวววไอ้เฮี้ย…ไอ้สัตบอลแซงคิวกูหรอ…หยุดเลยมึงหยุดเลย…กูจะเอาอีอาจารย์คนสวยนี่ก่อน” “โธ่พี่นัทขอผมก่อนก็ไม่ได้” “ไม่ได้โว้ยยยย…แมงกูแค่หันไปหยิบขอบตาแพะแค่นั้น…ไอ้สัต…ลุกออกมาเลย”

แล้วไอ้เด็กเลวที่ตอนนี้ดิฉันรู้แล้วว่ามันชื่อ ‘บอล’ ก็ลุกออกมาจากง่ามขาของดิฉันแต่ไอ้เด็กเลวอีกคนที่ชื่อ ‘นัท’ ก็แทรกตัวเข้ามาในง่ามขาของดิฉันแทนที่ไอ้บอล แล้วดิฉันก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อไอ้นัทเริ่มเอาดุ่นควยของมันลากไปมาตามล่องเนื้อที่บอบช้ำและเต็มไปด้วยเลือดสาวและน้ำเมือกที่เป็นฟองสีชมพูของดิฉันกับน้ำควยของไอ้มอสที่กำลังไหลออกมาจากปากช่องคลอดของดิฉันที่มีล่องรอยของการฉีดขาดของกล้ามเนื้อปากช่องคลอด เมื่อลากไปมาได้ที่ไอ้เด็กเลวไอ้นัทก็กดท่อนควยที่มีขอบวงที่เป็นขนล้อมรอบดุ้นควยขนาดเกือบ 7” ของมันเข้าไปในช่องคลอดที่บอบช้ำของดิฉัน เมื่อเริ่มสัมผัสถึงสิ่งที่กำลังบุกรุกเข้ามาในช่องท้องของดิฉันขาทั้งสองข้างที่ตั้งเข่าถ่างออกของดิฉันก็หดตัวพยายามหนีบเข้ามาแต่พอเข่าดิฉันหุบเข้ามาไอ้นัทก็ใช้มือของมันจับที่หัวเข่าของดิฉันและถ่างมันออกจนกว้างและมันก็จัดการกระเด้าดุ้นควยของมันเข้าสู่ช่องท้องของดิฉันแบบทีเดียวโหนกเนื้อที่โคนควยของมันก็ไหลลงมากระแทกกับโหนกเนินหีของดิฉันทันที แต่ก่อนที่มันจะกระเด้ามันได้บดโคนควยของมันที่เต็มไปด้วยขนหมอยหยาบๆ ไปมากับโหนกเนินหีของดิฉันที่เป็นแค่เนินเนื้อโล่งๆ ก็สัมผัสกับความสากและอาการระคายเคืองของเนินเนื้อ

ดิฉันทำได้แค่ส่ายหน้าร้องไห้และพยายามร้องขอให้มันหยุดเพราะความเจ็บและแสบในช่องคลอด แต่อย่างที่พวกคุณคงจะรู้ว่าเสียงที่ดังรอดจากลำคอระหงของดิฉันมันจะเป็นเสียงยังไง เมื่อมันบดได้สักครู่มันก็ก้มหน้าลงมาหาทรวงอกของดิฉันที่ตอนนี้หัวนมของดิฉันมันถูกดูดและขบกัดจนรู้สึกแสบและมีรอยแดงและเขียวช้ำที่เนินเนื้ออันเกิดจากการโดนพวกมันบีบคลึงแถงยังมีรอยฮ้อเลือดที่เกิดจากการดูดเนื้อหน้าอกดิฉันของพวกมัน เมื่อมันดูดหัวนมของดิฉันอีกครั้งมันก็เริ่มกระเด้าส่งท่อนควยเข้าออกในช่องคลอดที่บอบช้ำของดิฉัน เสียง ‘อื้อ..อื้อ..’ ที่ดังจากลำคอของดิฉันในขณะที่มันกดควยของมันเข้าออกจากช้าไปหาเร็ว พอมันเริ่มเร่งเร็วขึ้นมันก็เงยหน้าและใช้มือของมันมาแกะไหล่ของดิฉันและสูดปากของมันด้วยความเสียวที่ท่อนควยของมันแต่กลับเป็นความทรมานและเจ็บแสบของดิฉันมือของดิฉันทั้งสองข้างที่มันเป็นอิสระก็ไปจับที่สะโพกที่กำลังเคลื่อนที่ของมันอย่างรุนแรง ดิฉันได้แต่ส่ายหน้าไปมาและร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่แล้วมันก็หยุดลงแต่มันไม่ได้หยุดเฉยๆ ไอ้มอสมันเดินตรงมาที่ดิฉันอีกครั้งและแกะผ้าที่มัดปากของดิฉันออกพร้อมทั้งดึงก้อนผ้าที่อุดปากออกไปแต่ก่อนที่ดิฉันจะได้ร้องออกมามีดคัตเตอร์ด้ามเหล็กก็เข้ามาจ่อที่คอหอยของดิฉันและคำขู่ของไอ้มอสก็ดังออกมาจากปากของผีนรกอย่างพวกมันว่า

อย่าร้องนะอาจารย์เดียวกลายเป็นผีเผ้าตึก”เมื่อมันขู่เสร็จดิฉันก็ได้แต่พยักหน้าทั้งน้ำตาแล้วมันก็พูดต่อว่า “อ้าปากครับอาจารย์…อ้ากว้างๆ”เมื่อมันสั่งเพราะความกลัวดิฉันจึงอ้าปากออกทั้งๆที่ตอนนั้นดิฉันไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรแต่พอมันยื่นท่อนควยของมันมาและทำท่าจะส่งเข้าปากของดิฉันด้วยความขยะแขยงดิฉันจึงหุบปากลงแต่ไอ้นัทมันไม่ได้ดูเฉยๆมันรีบจัดการบีบปากของดิฉันให้อ้าออกเพื่อให้ลูกพี่ของมันส่งท่อนควยขนาดใหญ่ที่มีทั้งคราบน้ำเมือกและเลือดแกะเป็นคราบชมพูและแดงของมันส่งเข้าปากของดิฉัน ทันทีที่มันได้ส่งควยของมันเข้ามาในปากของดิฉันดิฉันก็สะบัดหน้าทันทีและร้องไห้ฮือๆออกมาแต่พวกมันก็จับหน้าของดิฉันและบีบแก้มให้ดิฉันอ้าปากอีกครั้ง เสียงร้องที่ที่ไม่ชัดเจนของดิฉันที่พยายามร้องว่า ‘ม่ายยยอาววว’ แต่พวกมันก็ไม่หยุดยังคงส่งท่อนควยของมันเข้ามาอุดปากของดิฉันแต่ครั้งนี้ดิฉันไม่ได้สะบัดหน้าอีกครั้งทั้งๆที่ใจนั้นอยากจะทำเพราะไอ้นัทมันบีบแก้มของดิฉันไว้ไม่ยอมปล่อยแถมไอ้มอสมันกดคัตเตอร์ของมันจนดิฉันรู้สึกเจ็บที่คอเมื่อควยของมันเข้ามาจนสุดดิฉันก็ทำท่าจะอาเจียนออกมาแต่ไม่ทันได้ทำไอ้มอสก็เริ่มกระเด้าท่อนควยของมันในปากของดิฉันในขณะเดียวกับไอ้นัทก็หันกลับไปกระเด้าหีของดิฉันอีกครั้ง

ดิฉันได้แต่ร้อง ‘อื้ออๆๆ’ มือข้างหนึ่งก็พยายามดันที่หน้าท้องของไอ้มอสอีกข้างก็พยายามดันที่หน้าท้องของไอ้มัท แต่มันทั้งสองก็ไม่หยุดกลับร่วมแรงร่วมใจกับกระทำการที่แสนจะอุบาดกับดิฉันต่อไปจนในที่สุดไอ้มัทมันก็กระตุกและฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้ามาในช่องท้องของดิฉันผสมกับน้ำเชื้อที่ลูกพี่ของมันได้ส่งเข้าไปก่อนหน้า แต่ในขณะเดียวกันควยของไอ้มอสควยของมันกลับมาแข็งจนเป็นท่อนไม้อีกครั้ง พอได้ที่ไอ้บอลพวกของมันคนสุดท้ายก็ทำท่าจะเข้ามากระเด้าดิฉันเป็นคนสุดท้ายแต่ไอ้มอสมันกับสะบัดมือของมันและร้องสั่งลูกน้องของมันว่า “กูอยากกินแซนวิชไอ้บอล” ไอ้บอลมันก็ยิ้มออกมาและหันกลับนอนลงโดยที่ใช้เสื้อเชิดของดิฉันปูรองหลังของมันแล้วไอ้มอสก็หิ้วปีกของดิฉันให้ทับหน้าขาของไอ้บอลในขณะที่ไอ้บอลจับท่อนควยที่มีขนาดพอๆกับท่อนควยของไอ้นัทตั้งตรงแล้วไอ้มอสก็วางตัวดิฉันลงโดยที่ให้หีของดิฉันค่อยๆสวมเข้ากับท่อนควยของไอ้บอล ดิฉันพยายามเกร็งขาแต่แรงของดิฉันมันแทบไม่มีพอไอ้นัทมันเห็นว่าดิฉันพยายามที่จะรุกขึ้นมันก็เข้ามาจับขาของดิฉันให้พับลอยจากพื้นโดนที่ดิฉันพยายามที่จะต้านแต่ร่างกายของดิฉันตอนนี้มันเหมือนกับตุ๊กตาผ้าให้พวกมันจับท่าทางให้อย่างไรก็ได้ พอดิฉันนั่งทับสะโพกของไอ้บอลโดยที่มีท่อนควยของมันฝังอยู่ในช่องคลอดของดิฉันไอ้มอสก็จัดการกดให้ดิฉันเอนตัวราบลงไปทับตัวไอ้บอล

แล้วดิฉันก็รู้สึกเย็นๆ ที่รูของทวารหนักเมื่อดิฉันค่อยเงยหน้าและหันกลับไปมองไอ้มอสดิฉันก็เห็นดุ้นควยขนาดใหญ่ที่เป็นควยดุ้นแรกที่ได้ความสาวของดิฉันไป กำลังถูกนำเข้ามาจ่อทางก้นของดิฉันตอนั้นดิฉันเริ่มรู้แล้วว่าไอ้มอสมันจะทำอะไรไรดิฉันพยายามที่จะดิ้นหนีและร้องออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งเบาๆเท่าที่แรงของดิฉันจะมีว่า “ไม่เอาอย่าทำครู…ฮื้อออๆๆ…พอแล้วววว…อย่าทำครู…” แต่ชะตาของดิฉันมันไม่ได้ถูกวาดไว้ให้สวยหรูท่อนควยที่เคยสอดใส่ในช่องรูหีของดิฉันกันถูกกดเข้ามาทางทวารหนักช่องทางที่ดิฉันใช้ปล่อยของเสียออกจากร่างกายก็ถูกควยดุ้นยักษ์ขนาดเท่าขวดเป๊ปซี่และมีเม็ดตุ่มๆอีก 4 เม็ดแหวกกล้ามเนื้อปากหูรูดของช่องทวารหนักเข้ามาในลำไส้ใหญ่ของดิฉัน เมื่อมันเริ่มไหลเข้ามาดิฉันก็เชิดหน้าขึ้นและทำท่าจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ก็ไม่ได้ร้องเพราะไอ้นัทเหมือนกับว่ามันรอท่าอยู่รีบปิดปากของดิฉันในขณะเดียวกับไอ้บอลก็เริ่มยกสะโพกของมันขึ้นเพื่อให้ก้นของดิฉันดันเข้าหาท่อนควยของลูกพี่มันที่พยายามกดลงมา ดิฉันพยายามสะบัดหน้าเพื่อที่จะให้หลุดจากมือของไอ้นัทที่ปิดปากอยู่แต่ก็ไม่หลุดน้ำตาที่เกิดจากความเจ็บปวดที่ช่องทวารหนักและช่องคลอดก็ไหลอาบออกมา

“ซีดดดด…พี่มอสหีอีอาจารย์นี่โครตตอดเลย…อู้ยยยย…แถมยังแน่นอีกตางหาก..ขนาดโดนควยพี่กับพี่บอลไปแล้วนะเนียโครตแน่นเลย…ซีดดด” “ไอ้ห่ารูตูดอีนี่แมงแน่นกว่ารูหีอีกโว้ย..โอ้ยยยย…แน่นซิบบบ…” เสียงพูดของพวกมันที่กำลังร้องออกมาในขระที่พวกมันกำลังยัดเยียดตราบาปให้แก่ร่างกายของดิฉันจนมันฝังเข้าไปในจิตวิญญาณของดิฉันและทุกๆครั้งที่เม็ดมุขของไอ้มอสมันไหลเข้ามาในช่องท้องทางรูทวารมันได้สร้างความรวดร้าวให้แก่ร่างกายและจิตใจของดิฉันอย่างมาก พอหน้าท้องของมันสัมผัสแนบกับแก้มก้นของดิฉัน ตอนนี้ดิฉันแทบจะไม่เหลืออะไรอีกแล้วดิฉันได้แต่นอนนิ่งๆ และสะอื้นในลำคอปล่อยให้ไอ้เด็กเลวทั้งสาวสามคนที่กำลังย่ำยีร่างกายของดิฉันโดยที่ไอ้บอลกำลังนอนหงายเย็ดหีของดิฉันไอ้มอสคนที่ได้ความสาวของดิฉันไปมันกำลังเปิดบริสุทธิ์ช่องทวารหนักของดิฉันอีกช่องทางหนึ่งในขณะเดียวกันไอ้นัทก็ยื่นท่อนควยที่ยังคงแสดงความเป็นแท่งเนื้อเข้ามาสู่ปากของดิฉันและพวกมันก็ร่วมมือกันย่ำยีดิฉันจนพวกมันต่างก็ปลดปล่อยน้ำเชื้ออสุจิเข้ามายังร่างกายที่บอบช้ำของดิฉันทั้งสามทางอีกครั้ง

ตอนนี้ดิฉันได้แต่นอนมองเพดานของช่องบันไดในขณะที่ไอ้เด็กเลวทั้งสามตัวกำลังสวมใส่กางเกงของพวกมัน และโยนดอกกุญแจมายังร่างที่กำลังนอนอยู่บนพื้นในช่องบันไดของดิฉันแล้วพวกมันก็เดินจากไปพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะที่บาดลึกเข้าสู่จิตใจของดิฉัน เมื่อเรี่ยวแรงที่ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาดิฉันจึงค่อยๆ ลุกและพยายามตรงไปยังห้องน้ำเมื่อมาอยู่ที่กระจกเงาสภาพที่บอบช้ำของร่างกายที่ดูโทรมสุดๆ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงผมรอยช้ำแดงที่ปรากฏตามร่างกายและที่สำคัญที่สุดรอยเลือดที่ผสมกับน้ำเชื้อของพวกมันที่ไหลลงมาตามขาของดิฉันจนเป็นสายเล็กๆ สีชมพูและสีแดงอวัยวะเพศที่ตอนี้มันแดงกร่ำและบวมนูนขึ้นมา ดิฉันค่อยๆ ใช้กางเกงชั้นในที่เป็นผ้าฝ้ายสีขาวรองน้ำและบีบให้มันหมาดๆ ก่อนจะค่อยๆ เอามาเช็ดตามง่ามขาของดิฉัน ก่อนที่จะใช้เช็ดกลีบหีที่บวมเป่งก่อนที่จะไปรองน้ำอีกครั้งและค่อยเช็ดไปตามร่างกายของดิฉันแล้วจึงล้างคาบน้ำกามที่พวกมันปล่อยไว้ที่ใบหน้าของดิฉันแล้วดิฉันจึงสวมใส่เสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่และมีรอยคราบของเลือดสาวของดิฉันกับคราบน้ำอสุจิของพวกมันที่ยังคงหมาดๆ มาสวมใส ก่อนจะค่อยก้าวเดินลงจากอาคารนรกแห่งนั้นและพยายามที่จะบังคับรถยนต์กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของดิฉัน

โชคดีที่ตอนนี้มันจะเที่ยงคืนแล้วสภาพในโถงทางเดินต้าอาคารจึงไม่มีคนอยู่เลยร้านสะดวกซื้อก็ได้ปิดไปแล้วยามที่ตามปกติจะนั่งอยู่ที่ป้อม 2 คน ตอนนี้เหลืออยู่คนเดียวเมื่อจอดรถได้ดิฉันจึงพยายามเดินขึ้นไปที่ลิฟท์ เมื่อถึงห้องพักดิฉันจึงได้อาบน้ำและทำความสะอาดร่างกายพร้อมทั้งหายาคุมที่เพื่อนครูสาวที่อยู่ด้วยกันแกะมันทานเข้าไปเม็ดหนึ่งก่อนที่จะลงนอนพร้อมอาการไข้ที่กำลังหนักขึ้นพร้อมทั้งหยดน้ำตาที่ไหลลงสู่หมอนที่หนุนนอนก่อนที่ดิฉันจะหมดสติลงไป พอดิฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งดิฉันก็มาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมทาสีขาวของโรงพยาบาลแล้ว คงจะเป็นโชคของดิฉันที่เพื่อครูที่พักในอพาร์ทเม้นร์เดียวกันเกิดกลับมาเอาของที่อพาร์ทเม้นกับแฟนของเขาในเช้าวันเสาร์จึงมาเจอสภาพของดิฉันและได้ส่งดิฉันมาที่โรงพยาบาลได้ทัน แต่เค้าก็คงจะรู้อะไรบางอย่างจึงพยายามที่จะถามดิฉันแต่ดิฉันก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เค้าหมอและพยาบาลฟัง ได้แต่ร้องไห้ออกมาพอเริ่มดีขึ้นดิฉันก็จัดการลาออกจากโรงเรียนนรกแห่งนั้นทันทีและเดินทางไปหาคุณแม่ที่ปราจีนบุรี ก่อนที่ดิฉันจะตัดสินใจอยู่กับคุณแม่ที่นั่นและได้เจอกับสามีที่แสนดีพร้อมทั้งตัดสินใจที่จะร่วมหอลงโรงแต่งงานร่วมกันสร้างครอบครัวเล็กๆ ของครูบ้านนอกที่แสนจะอบอุ่นอีกครอบครัวหนึ่งหลังจากประสบการณ์ที่แสนจะทรมานในอีก 4 ปีต่อมา ฝันร้ายของดิฉันได้จากไปแล้ว….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *